career


5 อาชีพแห่งอนาคตในโลกยุค AI ครองเมือง


สมัยนี้มองไปทางไหนก็เริ่มเห็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยในการทำงานในหลายหลายวงการ ทั้งการแพทย์ การเงิน และการศึกษา ล้วนมี AI เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทำงานทั้งสิ้น แล้วแบบนี้มนุษย์อย่างเราจะตกงานรึเปล่า

หรือจะเปลี่ยนไปทำอาชีพอะไรในยุค AI ครองเมืองดี?

ถ้าไม่อยากตกเทรนด์และอยู่รอดให้ได้ในโลกยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ ลองมาดู 5 อาชีพเกิดใหม่ในอนาคตที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกยุค AI ที่มนุษย์และหุ่นยนต์ต้องทำงานร่วมกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย...

1. นักนิติวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล (Data Detective)

ในเมื่อเรามีนิติวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทางกฎหมายของมนุษย์แล้ว ในโลกยุค AI ก็ย่อมต้องมีนิติวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลด้วยเช่นกัน โดยหน้าที่หลัก ๆ ของอาชีพนี้คือ การสืบหาสิ่งที่เรายังไม่รู้ใน Big Data เพื่อค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ในข้อมูลจำนวนมหาศาลนั่นเอง

คุณสมบัติหลักของอาชีพนี้คือ ต้องมีความรู้ด้านกฎหมายประกอบกับความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงใน Big Data ที่ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลในนั้นได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

2. ผู้จัดการประสานงานระหว่างมนุษย์และ AI (Man-Machine Teaming Manager)

เมื่อชีวิตเราต้องทำงานเป็นทีมร่วมกับ AI ตำแหน่งผู้ประสานงานระหว่างมนุษย์กับ AI จึงมีบทบาทขึ้นมา โดยหน้าที่หลัก ๆ ของอาชีพนี้คือ การสร้างระบบที่มนุษย์กับ AI จะสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเป้าหมายในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI ให้สอดคล้องกันอีกด้วย

คุณสมบัติหลักของอาชีพนี้คือ ต้องมีความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของมนุษย์ และมีความเข้าใจในระบบการโต้ตอบสื่อสารระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ รวมถึงมีใจรักที่จะเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างระบบที่มนุษย์และ AI จะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

3. ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Wellness Coach)

อาชีพถัดมาที่จะมาแรงแซงทางโค้งในยุค AI คงหนีไม่พ้นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเงินที่เป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตของเรา โดยหน้าที่หลัก ๆ ของที่ปรึกษาทางการเงินคือ ให้ความรู้เรื่องระบบการเงินที่เปลี่ยนไปจากเดิมเป็นระบบดิจิตอลมากขึ้น และพร้อมให้คำปรึกษาในด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้เราตกหลุมพรางลงไปในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงระบบนั่นเอง

คุณสมบัติหลักของอาชีพนี้คือ ต้องมีความรู้ทางด้านการเงินควบคู่ไปกับความเข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของแต่ละบุคคลเป็นอย่างดี เพื่อให้คำปรึกษา และออกแบบวิธีการบริหารเงินให้เหมาะสมในระดับเฉพาะบุคคลให้ได้มากที่สุด

4. ผู้จัดการความทรงจำ (Personal Memory Curator)

ในอนาคตที่มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวมากขึ้น และยังคงต้องการสิ่งปลอบประโลมจิตใจให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุข จึงทำให้เกิดอาชีพที่เรียกว่า ผู้จัดการความทรงจำขึ้นมา

โดยหน้าที่หลักของอาชีพนี้คือ การสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงขึ้นมาในหัว ให้ผู้คนเข้าไปย้อนรำลึกความหลังอันชื่นมื่นสมัยเยาว์วัย เพื่อช่วยเยียวยาจิตใจจากความเงียบเหงาเมื่อมีอายุมากขึ้นนั่นเอง

คุณสมบัติหลักของอาชีพนี้คือ ต้องเป็นคนที่มี EQ มั่นคง เพื่อรับมือกับความทรงจำที่อาจมีผลกระทบต่อจิตใจได้ รวมถึงมีทักษะความคิดสร้างสรรค์สูง เพราะต้องนำข้อมูลที่มาจากความทรงจำของผู้คนมาสร้างเป็นสภาพแวดล้อมเสมือนที่ชวนดื่มด่ำ น่าประทับใจให้กับบรรดาผู้คนเหล่านั้น

5. นักวิเคราะห์เทคโนโลยีควอนตัม (Quantum Machine Learning Analyst)

ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ และเทคโนโลยีต่าง ๆ มีความก้าวหน้าถึงขีดสุด ทำให้เกิดการคาดการณ์ความน่าจะเป็นในเรื่องต่าง ๆ ที่อาจเป็นจริงได้ในอนาคต โดยผู้ที่จะสามารถทำนายความน่าจะเป็นได้อย่างแม่นยำบนหลักการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็คือผู้ที่ทำงานด้านเทคโนโลยีการประมวลผลแบบควอนตัมนั่นเอง

โดยหน้าที่หลักของอาชีพนี้ คือการศึกษาค้นคว้าความน่าจะเป็นที่อาจเกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม ผสานกับอัลกอริทึมการทำงานที่เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์ (Machine Learning) เพื่อค้นหาจุดบอดที่มีแนวโน้มจะเป็นข้อผิดพลาดในอนาคต จะได้หาทางแก้ไขก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง

คุณสมบัติหลักของอาชีพนี้คือ จะต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นอย่างดี รวมถึงมีความเข้าใจในการพัฒนาระบบ Machine Learning เพื่อนำมาใช้ในการประมวลผลร่วมกันในการ ค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่เฉพาะเจาะจงให้กับธุรกิจได้อย่างตรงจุดที่สุด

แม้ว่าอาชีพเหล่านี้อาจจะยังฟังดูไม่คุ้นหูในปัจจุบัน แถมยังดูเป็นอาชีพแบบในหนัง Sci-Fi ที่ดูเหลือเชื่อ แต่ในอนาคตที่ AI ก้าวเข้ามามีส่วนสำคัญในโลกและชีวิตของเรามากขึ้น ก็ไม่แน่ว่า รู้ตัวอีกทีเราอาจจะทำอาชีพเหลือเชื่อพวกนี้อยู่ก็เป็นได้!