ที่ไม่ได้แทนคนที่เกิดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแบบที่กล่าวมา
Gen Me ใช้เรียกแทน การรวมกลุ่มของคนที่มีพฤติกรรมคล้ายกันทั้งกลุ่ม Gen X, Gen Y และ Gen Z ที่มีความมั่นใจ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์จนดูเหมือนจะนอกกรอบ รักอิสระ รักความก้าวหน้า และเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว
คน Gen Me โดยเฉพาะ Gen Y และ Gen Z ซึ่งเกิดมาในยุคที่ทั่วโลกมีความเจริญ ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี ทำให้คนเหล่านี้มีมุมมองทางความคิดเกี่ยวกับการทำงานและการใช้ชีวิตแตกต่างจากคนยุค Baby Boomer เป็นอย่างมาก เพราะแทนที่คนกลุ่มนี้จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เพื่อสร้างความมั่นคงมาหักล้างกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เผชิญ กลุ่ม Gen ME กลับคิดต่างออกไป เพราะมั่นใจในตนเองว่า สามารถพึ่งพาตนเองได้ จากการหาข้อมูลและใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่จึงมีความคิดในการเป็นเจ้าของกิจการ หรือไม่ก็ต้องทำงานในองค์กรใหญ่ ที่มีชื่อเสียง ได้รับเงินเดือน และสวัสดิการที่ดี
แต่ถึงแม้เงินเดือนและสวัสดิการจะดีขนาดไหน ถ้าเป็นงานที่ทำแล้วรู้สึก “ไม่มีความสุข” พวกเขาก็พร้อม say “No” และ say “Good Bye” ทันที ทั้งนี้ ยังมี Gen ME อีกจำนวนไม่น้อย เลือกทำงานในองค์กรขนาดเล็กแต่เป็นงานที่พวกเขามองว่า Cool! เพราะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกแบบเดียวกัน ถ้าเช่นนั้น แสดงว่าพวกคุณคือ Gen ME อย่างแท้จริง! แล้วถ้าหากเราเป็น Gen ME เราจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานอย่างไรดี? ถ้ายังรู้สึกสับสนอยู่นิด ๆ แอบงงอยู่หน่อย ๆ มาดูกันดีกว่าว่า งานแบบไหนที่เหมาะกับคน Gen ME อย่างเรา
- งานที่ไม่จำเจ ไม่เป็น Routine จนเกินไป
- งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และออกนอกกรอบได้อย่างเต็มที่
- งานที่ใช้ทักษะความสามารถเฉพาะทาง
- งานที่ได้พบปะผู้คนและเรื่องแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา
- งานที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลา สามารถทำงานจากที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือตาม Co-working space ได้
- งานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มออนไลน์
- งานที่ได้รับผิดชอบเหมือนเป็นเจ้าของโปรเจค ดังจะเห็นได้จากองค์กรใหญ่ระดับโลกอย่าง Google ที่มีนโยบายกระตุ้นให้พนักงาน สร้างโปรเจคของตนเองออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท
งานเหล่านี้นี่เองที่จะเป็นการสร้างความภูมิใจ และตอบโจทย์การทำงานของกลุ่ม Gen ME ได้เป็นอย่างดี พอรู้ลักษณะของงานที่เหมาะสมต่อพวกเราชาว Gen ME แล้ว ทีนี้ก็มาถึงเส้นทางการทำงานกันบ้างที่เราคงต้องเลือกว่า เราจะไปเส้นทางไหน ซึ่งแต่ละทางหมายถึง ลักษณะขององค์กรแต่ละแบบ เราลองมาดู 3 เส้นทาง 3 ทางเลือกเหล่านี้กันดูครับ
1. หากเลือกเดินเข้าองค์กรขนาดใหญ่
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับเลยคือ คุณต้องเจอกับพนักงานจำนวนมาก การแข่งขันสูง ปริมาณงานเยอะ อาจจะขัดกับตัวตนของ Gen ME ในช่วงแรก แต่ถือเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ฝึกปรือฝีมือ ฝึกสร้างตัวตน พอผนวกเข้ากับข้อดีของ Gen ME ที่มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนและมีความทะเยอทะยานมุ่งสู่เป้าหมายจะทำให้เราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แต่ก็ควรต้องศึกษาวัฒนธรรมองค์กร และนโยบายของบริษัทให้ดี ก่อนที่จะสมัครเข้าไปทำงานว่าตรงกับความต้องการของเราจริง ๆ ไหม
2. หากเลือกเดินเข้าองค์กรขนาดเล็ก
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับ คือเงินเดือนและสวัสดิการ อาจไม่ดีเท่าองค์กรใหญ่ และปริมาณงานก็อาจจะมากกว่าอยู่ในองค์กรใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ข้อดี คือ ได้มีโอกาสเรียนรู้งานที่หลากหลาย รวมทั้งมีโอกาสค้นหาตัวตนว่าจริง ๆ แล้ว เราชอบอะไรกันแน่ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ทำงานในองค์กรเล็ก มีแนวโน้มเจอหนทางที่ใช่ของตนเองมากกว่าอยู่ในองค์กรใหญ่
3. หากเลือกเส้นทางสายฟรีแลนซ์ หรือเป็นผู้ประกอบการ
การได้เป็นนายตนเอง คือข้อดีที่เห็นได้ชัดของเส้นทางนี้ เพราะมีความเป็นอิสระสูง สามารถควบคุมการทำงานได้ด้วยตัวเอง ตรงตามความต้องการของ Gen ME แต่ก็มีเรื่องร้ายในเรื่องดีเช่นกัน เพราะการมีอิสระสูง ได้ทำตามใจตนเอง เป็นนายตนเองอาจเกิดผลเสียได้ หากเราควบคุมตนเองไม่ได้ ปล่อยให้ “Ego”เข้ามาแทนที่ งานก็จะพังได้โดยง่าย โดยเฉพาะคนที่เลือกเส้นทางสายนี้ตั้งแต่เข้าสู่เส้นทางการทำงานเป็นครั้งแรก ดังนั้น สิ่งที่ต้องระลึกอยู่เสมอคือ “ความรับผิดชอบ” และ “ความมีระเบียบวินัยต่อตนเอง และต่อ ลูกค้า” อย่าให้ความมั่นใจในตนเองของเรามีมากจนเกินไป จนกลายเป็น “Ego” ที่กลับมาทำร้ายตัวเองได้
ด้วยข้อดีจากไลฟ์สไตล์ของคน Gen ME หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวของตัวเอง การมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ รักความก้าวหน้า และมีความสนใจเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้เหล่า Gen ME เป็นที่ต้องการขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ลองพิจารณาดูกันให้ดีก่อนตัดสินใจ แล้วเลือกเดินไปอย่างมั่นใจนะครับ แต่ถ้าใครเลือก choice แรกล่ะก็ มาร่วมค้นหาความท้าทายฉบับคน GEN ME ไปกับเราได้ที่
https://careers.scb.co.th/th/jobs/ 
