ฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) ใส่ใจในความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครงานเพื่อเข้ามาเป็นพนักงาน หรือเข้ามาเป็นนักศึกษาฝึกงาน (“ท่าน”) จึงจัดให้มีนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ. ศ. 2562 (“พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการ วัตถุประสงค์ รายละเอียดของข้อมูลที่ธนาคารเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อกับธนาคาร
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับบุคคลธรรมดาดังต่อไปนี้
(1) ผู้สมัครงานกับธนาคาร ไม่ว่าจะสมัครโดยตรง หรือสมัครผ่านตัวแทนจัดหางานหรือบุคคลอื่น
(2) บุคคลอ้างอิงในใบสมัครงานหรือสัญญาที่ทำกับธนาคาร
(3) นักศึกษาฝึกงาน รวมถึงผู้ค้ำประกัน หรือ บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
1. ธนาคารเก็บรวบรวมและนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้หรือเปิดเผยอย่างไร
ธนาคารจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายเท่านั้น ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ก) ตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย (ข) ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับธนาคาร (ค) เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร (ง) ตามความยินยอมของท่าน และ/หรือ (จ) ตามฐานทางกฎหมายอื่น โดยวัตถุประสงค์ในเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของธนาคาร มีดังต่อไปนี้
1.1 ภาระหน้าที่ตามกฎหมายของธนาคาร
เนื่องจากธนาคารอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ธนาคารจึงมีความจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐที่กำหนดอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน, พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ รวมถึงกฎหมายแรงงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
1.2 สัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับธนาคาร
ธนาคารจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามเอกสารคำขอ ข้อตกลง หรือสัญญาที่ท่านทำไว้กับธนาคาร และเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในเอกสารดังต่อไปนี้
(1) การสมัครงาน การสรรหาบุคลากร การสัมภาษณ์ การทำแบบทดสอบ และการประเมินความสามารถของผู้สมัคร
(2) การจ้างงาน การเจรจา การอนุมัติการจ้าง การจัดทำ แก้ไข เปลี่ยนแปลง ต่ออายุ หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจ้าง สัญญานายหน้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
(3) การตรวจสอบ คุณสมบัติและประเมินเพื่อแต่งตั้งผู้บริหาร หรือตำแหน่งที่สำคัญอื่น ๆ
(4) การปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ คำสั่งของธนาคาร
(5) การทำสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการฝึกงาน
1.3 ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของธนาคาร
ธนาคารจะใช้หลักสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยการเปรียบเทียบความสำคัญระหว่างลักษณะข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย กับสิ่งที่ท่านคาดว่าจะได้รับโดยปกติ โดยธนาคารจะให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของท่าน ทั้งนี้ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายนี้ จะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) การใช้ข้อมูลของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัครงาน ในขั้นตอนการสรรหาบุคลากร การสัมภาษณ์ และการประเมินผู้สมัคร รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลของผู้ได้รับผลประโยชน์ของพนักงาน
(2) การดำเนินการในกรณีที่ข้อมูลของท่านมีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างธนาคารและบุคคลอื่น ซึ่งท่านไม่ได้เป็นคู่สัญญาด้วย
(3) การดำเนินการเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูล และระบบการจัดเก็บข้อมูลภายในของธนาคาร
(4) การดำเนินการเกี่ยวกับการอบรม การพัฒนาความรู้ หรือความสามารถของบุคคลากร รวมถึงการบริหารและวางแผนที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างองค์กร
(5) การดำเนินการเกี่ยวกับความปลอดภัยและความต่อเนื่องทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงภายในของธนาคาร การรายงานเหตุการณ์ผิดปกติจากการดำเนินงาน
(6) การตรวจสอบประวัติพนักงานหรือนายหน้าของธนาคาร
(7) การดำเนินการทางด้านบัญชี การเงิน หรือการบริหารงานภายในอื่นๆ ของธนาคาร
(8) การดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาท รวมทั้งการแก้ปัญหาข้อพิพาท การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(9) การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานพนักงาน การเปิดเผยสถานะการเป็นพนักงานแก่บุคคลภายนอก เช่น บริษัทภายในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคาร
(10) การจัดทำรายงานต่างๆ ให้หน่วยงานภายในของธนาคาร รวมถึงการทำแบบสอบถามหรือ การเก็บ และการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานภายในองค์กร
1.4 ความยินยอมของท่าน
โดยทั่วไปแล้วธนาคารจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากธนาคารไม่มีฐานทางกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จำเป็น ธนาคารจะขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
(1) ธนาคารมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น เพื่อใช้ในการยืนยันตัวบุคคล (Authentication) ในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม หรือในการจัดสิทธิประโยชน์สวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพให้แก่พนักงาน
(2) ธนาคารส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ต่ำกว่าประเทศไทย
(3) กรณีที่เจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี)
1.5 ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ
นอกจากฐานทางกฎหมายข้างต้น ธนาคารอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นดังนี้
(1) เมื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
(2) เมื่อธนาคารเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
(3) เมื่อธนาคารเชื่อว่าการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความจำเป็น โดยมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคารประมวลผลอาจประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
ประเภทข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล |
---|---|
รายละเอียดส่วนบุคคล | - ชื่อ, ชื่อกลาง, นามสกุล, นามแฝง (หากมี) ,เพศ, วันเดือนปีเกิด และอายุ, สถานภาพสมรส, สัญชาติ, ประวัติการศึกษา, ประวัติการทำงาน |
ที่อยู่ติดต่อ | - ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์, ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์,หมายเลขโทรสาร, บัญชี Social Media |
รายละเอียดที่ใช้ในการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตน | - ภาพถ่ายบนบัตรประจำตัวประชาชน, บัตรประจำตัวพนักงาน หรือนายหน้า,หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลหนังสือเดินทาง, ใบอนุญาตขับขี่, ลายมือชื่อ |
รายละเอียดการทำงาน | - ตำแหน่ง และหน้าที่ความรับผิดชอบ, เงินเดือน และค่าตอบแทน, ประวัติการลา หรือขาดงานผลการประเมินการทำงาน, ผลการทำแบบทดสอบ หรือแบบประเมินต่างๆ, ข้อมูลการเบิกจ่ายเงิน และการใช้สวัสดิการ, ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดวินัย หรือระเบียบของธนาคาร |
การตรวจสอบประวัติ | - การฟอกเงิน และต่อต้านการก่อการร้าย, การให้ความยินยอมและข้อมูลที่บอกรายละเอียดของข้อมูล (metadata) ที่เกี่ยวข้อง ที่แลกเปลี่ยนระหว่างบุคคล และ/หรือองค์กร รวมถึง อีเมล ข้อความเสียง และการสนทนาแบบ live chat |
ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อมูลที่จำเป็นเพื่อธนาคารดำเนินการตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย | - รูปภาพ, ลักษณะรูปพรรณสัณฐานบุคคล, การตรวจพบข้อสงสัยหรือกิจกรรมที่ผิดปกติ, ภาพถ่ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด, บันทึกวีดีโอ |
3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยทั่วไปแล้วธนาคารจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง แต่ในบางกรณีธนาคารอาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่น ซึ่งธนาคารจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ธนาคารเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นอาจมีดังต่อไปนี้
(1) ข้อมูลที่ท่านขอให้ธนาคารเก็บรวบรวมให้แก่ท่าน เช่น ข้อมูลบัญชีของท่าน หรือข้อมูลการถือครองสินทรัพย์ในบริษัทอื่น รวมทั้งข้อมูลทางธุรกรรมต่าง ๆ
(2) ข้อมูลของบุคคลที่มีความเกี่ยวเนื่องกับท่าน (เช่น ครอบครัวของท่าน เครือญาติ ผู้ค้ำประกันการทำงาน ผู้ค้ำประกันการรับทุนเป็นต้น) ในกรณีที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจ้างงาน หรือการจัดสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง
(3) ข้อมูลที่มาจากผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และ/หรือหน่วยงานราชการ เช่น ข้อมูลที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถป้องกันการทุจริต หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของท่าน (รวมทั้งการสื่อสารของท่านทางสื่อสังคม ระหว่างบุคคล องค์กร ผู้ดูแลและผู้มีส่วนได้เสียอื่นซึ่งได้มาจากบริษัทต่าง ๆ ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูล)
(4) ข้อมูลจากหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ธนาคารไว้วางใจ หรือบุคคลภายนอกอื่นใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมของท่าน
(5) ข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และอุปกรณ์ความปลอดภัย
(6) ข้อมูลที่มาจากบริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือมีความสัมพันธ์กับท่าน
นอกจากนี้ธนาคารอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นดังต่อไปนี้จากท่าน
• บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
• บุคคลที่อยู่ในอุปการะ บุคคลในครอบครัว หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับท่าน
• บุคคลที่ท่านอ้างอิงถึงในในใบสมัครงาน หรือสัญญาที่ท่านทำไว้กับธนาคาร
ในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านี้ให้กับธนาคาร ท่านมีหน้าที่ในการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงรายละเอียดในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลของธนาคาร
4. สิทธิของท่าน
พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านสามารถควบคุมการใช้มูลส่วนบุคคลได้มากขึ้น โดยท่านมีสิทธิตามกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
4.1 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคารมีอยู่ เว้นแต่ในกรณีที่ธนาคารมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือในกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
4.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้ธนาคารปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน ครบถ้วน ถูกต้อง ซึ่งท่านสามารถใช้สิทธิดังกล่าวนี้ได้ตลอดเวลา
4.3 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้ธนาคารลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่ในกรณีที่ธนาคารจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
4.4 สิทธิในการขอให้จำกัดการดำเนินการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้ธนาคารงดประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี เช่น ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือเมื่อธนาคารไม่มีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป
4.5 สิทธิในการคัดค้านการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิคัดค้านการดำเนินการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่ธนาคารมีเหตุในการปฏิเสธตามกฎหมาย หรือเมื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อใช้หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ
4.6 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิร้องขอให้ธนาคารโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือสามารถขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคารได้โอนไปยังบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ธนาคารสามารถดำเนินการได้ทางเทคนิคเท่านั้น
4.7 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับธนาคารเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่ธนาคารกำหนด เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ ก่อนการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว
4.8 สิทธิในการร้องเรียน
ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ธนาคารอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือองค์กรดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ของพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(1) บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือ บุคคลอื่นใดที่ธนาคารมีนิติสัมพันธ์ด้วย รวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบุคคลดังกล่าว
(2) คู่ค้า ตัวแทน ผู้ให้บริการภายนอก หรือองค์กรอื่น (เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระ คลังเก็บเอกสาร ผู้ให้บริการระบบสารสนเทศ) ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลบุคคลส่วนบุคคลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมายรองรับ และมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
(3) บุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณี การขาย สิทธิเรียกร้อง และ/หรือ ทรัพย์สิน การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของธนาคาร ซึ่งธนาคารอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่ธนาคารจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อการขาย สิทธิเรียกร้อง และ/หรือทรัพย์สิน การปรับโครงสร้างองค์กร การโอนกิจการ ข้อตกลงทางการเงิน การจำหน่ายทรัพย์สิน หรือธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และ/หรือ ทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินกิจการของธนาคาร
(4) ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ หน่วยงานป้องกันการทุจริต ศาล หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ บุคคลใด ๆ ที่ธนาคารถูกกำหนดหรืออนุญาตตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง คำสั่งศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ให้ต้องเปิดเผยข้อมูล
(5) ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่าน หรือ ผู้รับมอบอำนาจช่วง หรือตัวแทนอื่นที่มีอำนาจตามกฎหมายโดยชอบ หรือมีสิทธิใช้บัญชีของท่าน
(6) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลของท่านตามกฎหมาย และ/หรือ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคาร (เช่น กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น)
6. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
เนื่องจากกิจการธนาคารในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่ครอบคลุมทั่วโลก ในบางครั้งธนาคารจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ในกรณีนี้ ธนาคารจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ หรือผู้รับข้อมูลของธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้
(1) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
(2) ธนาคารได้แจ้งให้ท่านทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทาง และได้รับความยินยอมจากท่าน
(3) ปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับธนาคาร หรือตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา
(4) ปฏิบัติตามสัญญาระหว่างธนาคารกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน
(5) ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
(6) ดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ธนาคารจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทและแต่ละวัตถุประสงค์ตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ระยะเวลาที่ธนาคารเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามอายุความหรือระยะเวลาในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ธนาคารอาจเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกหากมีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือในกรณีที่มีการใช้สิทธิเรียกร้องบางประการหรือมีข้อร้องเรียนที่ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือ ด้วยเหตุผลทางกฎระเบียบหรือทางเทคนิค ซึ่งหากธนาคารจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทางของท่านเป็นระยะเวลานานกว่าที่กล่าวมานี้ ธนาคารจะยังคงปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป
นอกจากนี้ ธนาคารอาจจำเป็นต้องเก็บบันทึกข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงาน สาขา หรือที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคาร บันทึกบุคคลผู้เข้าถึงพื้นที่ของธนาคาร และบันทึกเสียงการให้บริการผ่าน SCB Call Center เพื่อป้องกันเหตุทุจริตและการรักษาความปลอดภัยรวมถึงตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัยที่ลูกค้าหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจแจ้งหรือติดต่อมายังให้ธนาคาร
8. คุกกี้
ธนาคารอาจเก็บรวบรวมและใช้คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน เมื่อท่านเข้าใช้ระบบ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของธนาคาร รวมถึงการใช้เว็บไซต์ ระบบที่ใช้สำหรับการทำงานและการให้บริการของธนาคาร ระบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแอพพลิเคชั่น ของธนาคาร
การเก็บรวบรวมและใช้คุกกี้และเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันดังกล่าวจะช่วยให้ธนาคารสามารถจดจำท่าน ทราบถึงการทำงานและความชื่นชอบของท่าน และปรับปรุงวิธีการที่ธนาคารจะนำเสนอระบบผลิตภัณฑ์ หรือบริการให้ตรงกับความต้องการของท่าน ธนาคารอาจใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ปรับปรุงหรือพัฒนารูปแบบและวิธีการทำงาน ปรับปรุงให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีขึ้น ช่วยให้ธนาคารเข้าใจวิธีการในการโต้ตอบกับท่านผ่านอีเมลของธนาคารได้ดีขึ้น ช่วยให้ธนาคารปรับปรุงการสื่อสารกับท่าน และเพื่อให้มั่นใจว่าสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ได้แสดงแก่ท่านนั้นมีความเกี่ยวข้องกับท่านและความสนใจของท่าน
9. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
ธนาคารมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ธนาคารได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ธนาคารเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โปรดแจ้งการถอนความยินยอมของท่านให้ธนาคารทราบในเวลาใดก็ได้
10. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ธนาคารมีการใช้มาตรการต่าง ๆ ในเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัย ซึ่งอาจรวมถึงเข้ารหัส (encryption) และการรักษาความปลอดภัยในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ ธนาคารยังได้กำหนดให้บุคลากรของธนาคารและบุคคลภายนอกที่ดำเนินการในนามของธนาคารต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายความเป็นส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการใช้ความระมัดระวังและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาความปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
11. วิธีการติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของธนาคาร หรือต้องการขอใช้สิทธิของท่าน โปรดติดต่อธนาคารผ่านช่องทาง People Contact Center โทร. 02-544-4444 นอกจากนี้ ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยติดต่ออีเมล dpo@scb.co.th หรือติดต่อสำนักงานใหญ่ของธนาคาร เลขที่ 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
12. การแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว
ธนาคารอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้เป็นครั้งคราว โดยจะแจ้งหรือประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นไว้ที่เว็บไซต์ของธนาคาร