แล้วเดินหน้าต่อไปได้ !
มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า มนุษย์อย่างเรามักมองเห็นข้อเสียของตัวเองยิ่งใหญ่กว่าข้อดีอันน่าภาคภูมิใจ เหมือนดังที่ Dr. Rick Hanson นักจิตวิทยาจากสถาบัน UC Berkeley’s Greater Good Science Center กล่าวไว้ว่า “สมองของคนเราจะจดจำเรื่องราวแย่ ๆ และความผิดพลาดได้อย่างแม่นยำ แต่หลงลืมเรื่องราวดี ๆ ได้ง่าย...” อย่างไรก็ตาม การจมอยู่กับความผิดในอดีต และเอาแต่โทษตัวเองไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะนอกจากจะเสียเวลา เสียโอกาส แล้วยังเสียสุขภาพจิตและกำลังใจอีกด้วย
จะดีกว่าไหมถ้าลองเปลี่ยนจากการโทษตัวเอง มาเป็นการน้อมรับความผิดพลาด มองว่ามันคืออีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้ อย่างที่คิม นัมจุน หัวหน้าวง BTS ได้กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประชุม United Nations ไว้ว่า “ตัวผมในวันวาน ที่อาจทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป ยังคงเป็นตัวผมในวันนี้... และในวันพรุ่งนี้ ผมอาจจะฉลาดกว่าวันนี้นิดหน่อย แต่นั่นก็ยังเป็นผมเช่นกัน...” หากเราลองมองความผิดพลาดของเราเป็นเหมือนดังเช่นดาวดวงเล็ก ๆ พอถึงเวลากลางคืน การมีหมู่ดาวระยิบระยับพวกนี้ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าก็คงงดงามไม่น้อยเลย
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำผิดพลาดไป ให้ลองพยายามสังเกตและเข้าใจตัวเอง รู้จุดแข็งควบคู่ไปกับจุดอ่อนของตัวเอง รวมไปถึงเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นด้วยการประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริง และการมองโลกอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน ซึ่งจะช่วยให้เรามองเห็นที่มาที่ไป หรือต้นตอของความผิดพลาดนั้น ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทำให้แก้ไขได้ตรงจุดมากกว่าเดิม ที่สำคัญคือ อย่าลืมว่าคนเราสามารถพัฒนาได้ เพราะทุกข้อบกพร่องจะทำให้เราเติบโตขึ้น
พอเราสามารถชื่นชมตัวเองในจุดที่เราทำได้ดี เข้าใจขีดจำกัดของตัวเอง และไม่เข้มงวดกับตัวเองจนเกินไป นอกจากจะช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองแล้ว ยังช่วยลดความคิดที่คอยบั่นทอนจิตใจและขวางกั้นไม่ให้เราก้าวข้ามผ่านไปได้ เราจึงสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้นั่นเอง
เป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกหงุดหงิดหรือเสียใจกับตัวเองเวลาทำผิดพลาด แต่เราไม่ควรจมอยู่กับความผิดหวังนั้นนานจนเกินไป สิ่งที่ควรทำคือ การพยายามเข้าใจและมีเหตุผลกับตัวเองให้มากขึ้น เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นได้