career


เจาะลึกเบื้องหลังอาชีพ Data Scientist สายแบงค์ ในโลกที่อนาคตขึ้นอยู่กับข้อมูล


Big Data คือข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง ยิ่งในยุคสมัยที่ข้อมูลเข้าถึงได้ง่าย ผ่านเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย อินเทอร์เนต โซเชียลมีเดีย และเทคโนโลยี 5G ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงถึงกันผ่านอินเทอร์เนต (IoT)

ทำให้ทุกวินาทีมีข้อมูลใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย “Data” จึงกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อธุรกิจ แต่ทว่าท่ามกลางข้อมูลมากมายเหล่านี้ใครกันจะเห็นคุณค่าของมัน และนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างแท้จริง? 

จึงมีคำกล่าวของ Douglas Merrill อดีต VP of Engineering ของ Google ที่ว่า...

 

“Big data isn’t about bits, it’s about talent.” 

 

นั่นหมายความว่าคนที่จะมองเห็นข้อมูลได้ ใช้ข้อมูลเป็นสำคัญยิ่งกว่าตัว Big Data เองเสียอีก เพราะต้องมีสายตาเฉียบคม วิเคราะห์ข้อมูลเป็น มองแพทเทิร์นออก เก่งสถิติ รวมทั้งต้องอาศัยความรู้ในการเขียนโปรแกรม Machine Learning หรือ AI เท่านั้นยังไม่พอ! ยังต้องเข้าใจโจทย์ทางธุรกิจ มีความคิดสร้างสรรค์ นำข้อมูลที่มีไปทดลองจนสร้างโมเดลที่มีความน่าเชื่อถือออกมาได้ในที่สุด และงานสุด Geek! นี้จะพึ่งพาใครไปไม่ได้นอกจากเหล่า “Data Scientist” นั่นเอง

ความเท่ของอาชีพนี้คือ พวกเขาเปรียบเหมือนผู้ค้นพบกุญแจลับจากเหมืองข้อมูลมหาศาล เจอ Insight ที่คนอื่นมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนเกมให้ออกมาอีกหน้าหนึ่ง หรือพลิกโฉมหน้าธุรกิจไปเลยก็เป็นได้ใครจะไปรู้! โดยเฉพาะในบริบทงานธนาคารที่มีปริมาณ Transaction ที่เกิดขึ้นต่อวันมหาศาลนับไม่ถ้วน จึงกลายเป็นแอ่งข้อมูลชั้นดีที่รอให้เหล่า Data Scientist มาขุดนำออกไปใช้

_________________________

 

Meet Data Geeks!

 

และนั่นทำให้เหล่า Data Geeks ผู้เชี่ยวชาญในการค้นหา วิเคราะห์ และแปรเปลี่ยนสภาพข้อมูลดิบให้เป็น Insight สุดเจ๋งเหล่านี้ ตัดสินใจเข้ามาทำงานที่ธนาคาร ที่เด็ก Tech หลายคนอาจมองว่าไม่ใช่พื้นที่ของพวกเขาเลยสักนิด คงจะต้องคิดใหม่หลังจากได้เห็นว่าการทำงานสาย Data ที่แบงค์ก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน

 

► Culture การทำงานของทีม Data Analytics ที่นี่เป็นยังไง?

ชินดนัย อุทัยสอาด - Senior Professional, Data Scientist เล่าถึงบรรยากาศการทำงานที่นี่ให้ฟังว่า..

“Culture ของทีมคล้าย Tech Startup ถึงจะอยู่ในแบงค์ใหญ่ แต่งานของเรามัน Playground มาก ๆ ได้ทำ Project ใหม่ ๆ ตลอดเวลา ไม่มีการมานั่งทำงาน Routine แน่นอน ทุกเดือนจะมีการทำโปรเจคใหม่เพื่อ Support business unit ทำให้เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาเยอะมาก” 

เช่นเดียวกับเมธัส เกียรติชัยวัฒน์ - Professional, Data Scientist น้องใหม่ที่เพิ่งจะได้เข้ามาร่วมทีม SCB Data Analytics ปีนี้ ที่ตอนแรกกลัวว่าการทำงานที่ธนาคารอาจจะทำให้ต้องเจอกับกฎระเบียบที่ ยุ่งยากหลายขั้นตอน ไม่ยืดหยุ่น แต่หลังจากทำงานมาได้สักพักเขากลับบอกว่า..

“หลังจากที่ทำงานมาสองเดือนกว่า ๆ ทำให้ผมได้เปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิง ทั้งการ Work from anywhere การแต่งตัวแบบ Smart casual เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจในการทำงานที่นี่มาก ๆ และที่สำคัญคือการทำงานในทีมของ SCB เป็นสไตล์ที่ Open มาก ๆ ทำให้ผมมีโอกาสได้ใช้ความคิดใหม่ ๆ ทำให้เราสามารถช่วย Contribute วิธีใหม่ ๆ มาใช้กับงานได้ ซึ่งผมชอบในส่วนนี้มากครับ” 

ส่วนวัชรินทร์ เหลืองวัฒนากิจ - Principal, Data Scientist ได้แชร์ถึงการปรับ Culture ภายในทีมปัจจุบันว่า.. 

“เราพยายามจะปรับ Culture ของทีมให้สอดคล้องกับการทำงานของคนรุ่นใหม่ เราเปิดเวทีให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่โดยไม่ต้องไปยึดติดกับชื่อตำแหน่ง เพราะเป้าหมายของทีมเรา คือมาเพื่อเปลี่ยนแปลง Business ในธนาคาร และเราเชื่อว่าไอเดียการทำ Business ใหม่ ๆ ของธนาคาร ทุกคนสามารถมีได้ อีกสิ่งนึงที่เรากำลังสร้างกับทีมตอนนี้ ก็คือการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของผลงาน หรือผลิตภัณฑ์ให้กับพนักงานแต่ละคน”

 

► คิดว่าอะไรคือ Key Strength ของการทำงานที่ SCB?

ในมุมของชินดนัยมองว่า..

“การทำงานที่ SCB เป็นเหมือนการอยู่ในห้องทดลองขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลให้ใช้ได้หลากหลายและไม่จำกัด Data ของแบงค์มันใหญ่ถ้าไปทำ Tech Start-Up เล็ก ๆ ก็จะไม่ได้มี Data เยอะเท่าแบงค์อยู่แล้ว ดังนั้นก็น่าจะเป็น Key strength ที่หาไม่ได้จากที่อื่น” 

ยิ่งเป็นที่ที่มีข้อมูลเยอะ มนุษย์ Data Scientist ก็จะยิ่งสนุกไปกับการได้โชว์สกิลสกัดข้อมูลออกมา! 

เมื่อถามถึงจุดแข็งของการทำงานที่นี่ เมธัสให้ความเห็นว่า..

“SCB มี Tools ให้ใช้ในการทำงานที่เข้าถึงบนระบบ Cloud ทำให้เราสามารถ access เข้าระบบเพื่อทำงานได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบที่ทันสมัยมากมายให้พนักงานได้ใช้ในการทำงาน ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นประโยชน์ และช่วย support งานที่เราได้รับมอบหมาย ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” 

นอกจากนี้วัชรินทร์ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่นเสริมว่า..

“ถ้าพูดถึงเครื่องมือการทำงาน ผมคิดว่าเราไม่ได้เสียเปรียบญี่ปุ่นเท่าไร เครื่องมือที่เราใช้ในการวิเคราะห์ Data ที่ SCB ก็เป็นเครื่องมือที่บริษัทใหญ่ ๆ หลายที่ใช้กัน และได้มาตรฐาน ผมมองว่าเทคโนโลยีในด้านนี้ ที่ไทยและญี่ปุ่นไม่ได้ต่างกันมาก”

 

► งานที่ทำมันช่วยสร้าง Impact ยังไงบ้าง?

ชินดนัยเล่าให้ฟังต่อว่าการที่เป็น Data Scientist ทำให้ในแต่ละวันจะได้ Business Insight จาก Big data เยอะมาก ดังนั้นต้องแน่ใจว่าไม่ใช่แค่สร้างโมเดลหรือฟีเจอร์ใหม่ไปวัน ๆ แต่ต้องรู้จักประเมินด้วยว่าฟีเจอร์ที่สร้างขึ้นมานั้นมันสร้างคุณค่าอะไรให้กับธุรกิจ นำไปใช้แล้วเกิด Impact ได้จริงหรือไม่ 

“ประโยชน์ทางตรงที่เห็นได้ชัดเจนคือ การนำข้อมูลที่มีใน Data Warehouse มาทำโมเดลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประเมินความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ และอนุมานความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ประโยชน์ทางอ้อมคือ การที่ Business units ในธนาคารนำข้อมูลความต้องการของลูกค้าที่ได้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการวางแผนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดแผนการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยลง การเรียกเก็บหนี้สินที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น หรือการ Target กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ก็เป็นผลพลอยได้ที่น่าทึ่งและส่งผลดีต่อธนาคารโดยรวมอีกด้วย”

ภูมิชนิตย์ วัฒนะประกรณ์กุล - Lead, Data Scientist ช่วยเสริมว่า..

“ถ้า Data Model ออกมาดีก็จะทำให้งานอื่น ๆ process ต่อไปได้เร็วขึ้น ช่วยลดภาระงานเดิม หรือลดปัญหาที่ต้องแก้ไขซ้ำ ๆ ลงได้”

 

► แล้วเสน่ห์ของงาน Data Scientist อยู่ตรงไหน?

ท่ามกลางตัวเลข การหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล สังเกตแพทเทิร์น สร้างโมเดล และอัลกอริทึ่มต่าง ๆ ที่ดูเผิน ๆ อาจมองว่าน่าจะเป็นงานที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ แต่สำหรับพวกเขาเหล่านี้กลับมองว่าจริง ๆ แล้วมันมีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในตัวของมันเองในแบบที่งานอื่นยากที่จะลอกเลียนแบบได้ ปรัชญา รุ่งทวีสุข - Lead, Data Scientist มองว่า..

“Data Science เป็นการผสมศาสตร์และศิลป์ที่มันลงตัว เป็นงานที่ได้ใช้ความรู้ในด้านคณิตศาสตร์และด้าน Programming ในระดับที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่ Research Level เราสามารถนำไปใช้ได้จริงใน Business เป็นงานที่มีอิสระทางความคิดมาก ๆเราสามารถตั้งโจทย์ที่น่าสนใจเองได้ โจทย์ข้อนึงสามารถแก้โดยใช้ Data ได้หลายวิธี เพราะฉะนั้นชีวิตการทำงานของผมมันเหมือนการได้เล่นเกมส์ Puzzle มีด่านให้เลือกเล่นเต็มไปหมดเลย บางด่านที่มีคนเล่นผ่านแล้ว เราก็สามารถไปเล่นซ้ำได้ ถ้าเรารู้สึกว่าเราทำได้ดีกว่า ถ้าเราอยากได้ High Score ผมคิดว่าเป็นอะไรที่สนุกมากครับ”

เรียกได้ว่าถ้าทำงานได้อย่างสนุกและแฮปปี้ เดี๋ยว Productivity ดี ๆ ก็จะตามมาเอง!

ในขณะที่วัชรินทร์มองว่าเสน่ห์ที่ Unique สำหรับงานในสายนี้คือ..

“เราจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นผ่าน Data ขนาดมหาศาล ที่มีปริมาณมากเกินกว่าที่มนุษย์จะวิเคราะห์ด้วยตาได้ แต่เราจะสามารถจับ Pattern ภายใต้ความซับซ้อนนั้น ผ่านทาง Machine learning model ได้ซึ่งมันทำให้เรามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล และมองเห็นอนาคตได้ก่อนคนอื่นด้วย Prediction model ยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถวัดความมั่นใจของ Model หรือวัดความมั่นใจของอนาคตออกมาเป็นตัวเลขได้ ผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เพราะ Data Science ตั้งอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ และสถิติ”

ใครมองว่างานสายนี้น่าเบื่อคงต้องคิดใหม่ เพราะนอกจากจะเป็นงานที่มีเสน่ห์แล้ว Harvard Business Review ได้ออกมาชี้ว่าจริง ๆ แล้ว Data Scientist เป็นงานที่เซ็กซี่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 เลยต่างหาก! เพราะพวกเขาเป็นบุคลากรที่มีคุณสมบัติหายาก และเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดงานปัจจุบัน

 

► Data Science เข้าไปมีบทบาทต่อวงการธนาคารแค่ไหน?

หันกลับมามองที่อุตสาหกรรมธนาคารในยุคนี้ที่ถูกท้าทายจากคู่แข่งทางธุรกิจใหม่ ๆ ฟินเทคสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ธนาคารในอนาคตจะต้องปรับตัวให้เป็นมากกว่าผู้ให้บริการทางการเงิน และเปิดกว้างสู่การบริการรูปแบบใหม่ที่เป็นมากกว่าธนาคารในอดีต เปิดโอกาสหาน่านน้ำใหม่เพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป ธนาคารจึงต้องเร่งสร้างศักยภาพและขีดความสามารถใหม่ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ ปรัชญาจึงมองว่า..

“ต่อจากนี้ไป ทีม Data Scientist ของเราซึ่งเต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ จากทั่วโลกนั้นจะมีบทบาทที่สำคัญมากในการผลักดันธนาคารไทยพาณิชย์ให้เดินไปข้างหน้าอย่างแข่งขันได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการที่ทีมของเรามีแต่คนเก่งๆหลากหลายด้านนั้น ยังทำให้สภาพการทำงานของเรานั้นเต็มไปด้วยความสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากกันและกันเพื่อพัฒนาความสามารถของแต่ละคนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

เช่นเดียวกับวัชรินทร์ที่เห็นด้วยว่า..

“SCB กำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการเข้ามาของ Digital platform ต่าง ๆ สู่ธุรกิจการเงิน รวมทั้ง COVID-19 ซึ่งเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ วิธีการคิด วิธีการทำธุรกิจ วิธีการสื่อสารกับลูกค้า ทั้งหมดนี้มี Data เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งนี่เป็นโอกาสอันดีของคนที่สนใจงาน Data Science ที่จะได้นำไอเดียมายกระดับการใช้ Data ในการตัดสินใจให้ขึ้นมาเป็นกองหน้าขององค์กร ผมคิดว่าเหล่า Data Scientist ในวันนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของการทำธุรกิจธนาคารในยุค New Normal ครับ”

SCB กำลงมุ่งหน้าไปสู่การเป็น Data-Driven Organization อย่างเต็มตัวที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล ตั้งใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การบริการ รวมทั้งประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมใจของทีมงานทุกฝ่าย ซึ่งจะขาดบรรดา Data Scientist ไปไม่ได้

ดังนั้นหากใครที่ร่ำเรียนมาทางสาย STEM (Science, Technology, Engineering และ Mathematics) อย่ารอช้า! ลองสมัครเข้ามาหาความท้าทายไปกับเราได้ที่ >> https://careers.scb.co.th/th/