คำว่า ‘เครดิต’ คือความเชื่อถือในศักยภาพทางการเงินว่าคุณจะสามารถชำระเงินนั้นได้ ซึ่งแน่นอนว่าการที่ธนาคารจะให้เครดิตใครก็ต้องตรวจสอบประวัติ หน้าที่การงาน ประวัติการใช้จ่ายต่าง ๆ ก่อนว่า คุณมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เพื่อที่จะได้อนุมัติ ‘วงเงิน’ ให้ในจำนวนที่คาดว่าคุณสามารถจ่ายได้
เนื่องจากการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเปรียบเสมือนการยืมเงินธนาคารมาจ่าย เพื่อจะได้ของไปครอบครองก่อน แล้วค่อยมาผ่อนชำระคืนภายหลังตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ แต่หากไม่สามารถผ่อนชำระคืนได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็จะต้องเสียค่าปรับและจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคาร ซึ่งนั่นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนี้สินนั่นเอง
สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าจะสมัครบัตรเครดิตดีไหม? สมัครแล้วจะใช้ยังไงให้คุ้มค่า? มีบัตรแล้วจะมีหนี้ตามมาไหม? ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วบัตรเครดิตจำเป็นสำหรับเราจริง ๆ ไหม ลองชั่งน้ำหนักพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสียที่จะตามมาจากการมีบัตรเครดิตดูก่อนก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้ว ตัวเรานี่แหละจะเป็นคนกำหนดว่าบัตรเครดิตให้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน!
ในยุคสังคมไร้เงินสดนั้น แน่นอนว่าบัตรเครดิตจะทำให้คุณรู้สึกคล่องตัวมากขึ้น เพราะแม้ไม่ต้องพกเงินสดล้นกระเป๋า ก็สามารถใช้จ่ายได้เต็มที่ ตามวงเงินบัตรเครดิตที่มี
ความพิเศษอย่างหนึ่งของบัตรเครดิตคือ การได้สินค้าก่อนแล้วเลือกจ่ายทีหลังได้ เพราะเราสามารถเลื่อนเวลาจ่ายเงินได้มากถึง 45-55 วัน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร) อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องคืนเงินก้อนทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะเลือกผ่อนจ่ายตามระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยที่คุณเลือกเองได้
ธนาคารมักมีการเสนอสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพื่อเอาใจผู้ใช้บัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดค่าสินค้า สิทธิ์แลกซื้อ และการให้ Cashback นอกจากนี้ยังมีการสะสมแต้มแลกสิ่งของมูลค่าสูง ๆ เพื่อจูงใจให้ผู้ถือบัตรใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการแทนการจ่ายเงินสด เพราะจะได้สะสมแต้มนำไปแลกของรางวัลได้
การใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าบางรายการ หรือในการใช้บัตรบางประเภทอาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร เพราะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บัตรด้วย ซึ่งอาจทำให้ของชิ้นนั้นราคาสูงขึ้นเกินกว่าราคาที่ตั้งไว้ได้
ข้อดีอย่างหนึ่งของบัตรเครดิตคือ ความยืดหยุ่น ที่ทำให้เราสามารถเลือกผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปีได้ตามต้องการ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยดอกเบี้ยสำหรับการผ่อน ที่หากนำมาคำนวณดูแล้ว อาจทำให้ราคาค่าสินค้าหรือบริการนั้นสูงขึ้นเกือบเท่าตัวเลยก็เป็นได้
การใช้บัตรเครดิตทำให้เราเลือกผ่อนชำระได้ ยิ่งให้เวลาผ่อนนาน ราคาที่ต้องจ่ายต่อเดือนก็จะยิ่งต่ำลง ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถจับต้องสิ่งของแพง ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าหากซื้อทีละชิ้น ผ่อนหมดแล้วค่อยซื้อเพิ่ม ก็คงไม่กระทบเท่าไหร่นัก แต่นักช้อปส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้นน่ะสิ! เพราะยิ่งเห็นวงเงินเหลือเยอะ ก็ยิ่งรูดบัตรเพลิน จนสุดท้ายมารู้ตัวอีกทีก็คือ ตอนเจอบิลค่าบัตรที่มากเกินกว่าจะจ่ายไหว กลายเป็นภาระทางการเงินให้ปวดหัวกันถ้วนหน้า กว่าจะรู้ว่าก่อหนี้ไว้เกินตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว
จริง ๆ แล้วบัตรเครดิตก็เหมือนกับสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ ที่มีทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับการใช้งาน หลายคนอาจเคยโดนปลูกฝังมาว่า บัตรเครดิตจะสร้างนิสัยที่ไม่ดีในการใช้จ่ายได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงถ้าเราใช้อย่างไม่มีสติ ขาดความระมัดระวังก็จะเป็นการสร้างหนี้สินได้โดยไม่รู้ตัว
แต่ในทางกลับกันหากรู้จักใช้อย่างชาญฉลาดก็จะสามารถสร้างวินัยในการใช้จ่ายให้เราได้เช่นกัน เพราะหากเราคิดก่อนใช้ มีการคำนวณรายจ่ายต่อเดือนอยู่เรื่อย ๆ ให้ค่ามันเหมือนกับเงินสด ที่ใช้แล้วหมดไป ก็จะสร้างวินัยที่ดีในการใช้จ่าย และช่วยให้วางแผนทางการเงินได้ดีขึ้นได้เช่นกัน