หลายคนอาจจะเอาเงินไปช้อปปิ้งเพลินจนรู้ตัวอีกทีแทบเงินในบัญชีแทบติดลบ จนเข้าข่ายมีเงินเดือนแต่ไม่มีเงินเก็บก็เป็นได้ แถมพอทำงานไปเรื่อย ๆ อาจจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าชีวิตเรานี่มันไม่มั่นคง เอาแน่เอานอนไม่ได้ซะเลย
ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรที่จะมาช่วยคุ้มครองความเสี่ยงในชีวิตที่ต้องเจอ บรรเทาความทุกข์จากหนักให้เป็นเบาได้บ้าง แน่นอนว่าคำตอบก็คือ “กรมธรรม์ประกัน” ยังไงล่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร โดยมีความคุ้มครองที่ต่างกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
โดยหลัก ๆ แล้วเราสามารถแบ่งประเภทของประกันได้เป็นสามประเภทใหญ่ ๆ คือ Life insurance, Non-life insurance และ Health insurance ซึ่งทั้ง 3 แบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ลองมาดูกันเลย...
เป็นประกันที่ดูแลให้ความคุ้มครองชีวิตของผู้เอาประกัน (ผู้ซื้อ) โดยหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตของผู้เอาประกัน เช่นเสียชีวิต หรือสูญเสียรายได้ยามชรา บริษัทประกันจะจ่ายเงินทุนประกันหรือส่วนผลประโยชน์ให้กับผู้เอาประกันหรือทายาทของผู้เอาประกัน แถมการทำประกันประเภทนี้ยังเอาไปใช้ยื่นขอลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้อีกด้วย
เป็นประกันที่เน้นดูแลทรัพย์สินเป็นหลัก ซึ่งครอบคลุมถึงทรัพย์สินหลากหลายประเภททั้งบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ มีไว้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของเรา เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เกิดอัคคีภัย หรืออุทกภัยต่อบ้านที่พักอาศัยของเราเป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการจ่ายเบี้ยรายปี หากไม่มีการเคลมก็จะเป็นการจ่ายเบี้ยประกันทิ้งไปปีต่อปี
เป็นประกันที่ครอบคลุมเรื่องของค่ารักษาพยาบาล การเจ็บป่วยทั้งแบบผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก ทั้งค่าตรวจรักษา ค่าผ่าตัด ค่าห้อง ซึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยแบบไม่ทันตั้งตัวได้ทั้งนั้น การมีประกันสุขภาพไว้จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยกระทันหัน หรือตรวจพบโรคร้ายแรงแบบไม่คาดคิดได้ ซึ่งนอกจากจะให้ความคุ้มครองเรื่องสุขภาพแล้ว ยังนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ส่วนเหตุผลที่เราควรให้ความสำคัญกับการทำประกันนั้นมีมากมายเช่น...
เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง อาจจะมีอุบัติเหตุร้ายแรง หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกะทันหัน การมีประกันไว้ก็จะทำให้เราอุ่นใจในระดับนึง แถมยังช่วยกระจายความเสี่ยง ลดภาระให้กับลูกหลานได้อีกด้วย
ในกรณีที่เรามีลูกที่อยู่ในวัยที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้าหากเราเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ลูกก็ยังได้รับเงินก้อนไว้ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ คล้ายกับมรดกในอนาคต
ค่าเบี้ยที่เราจ่ายไปจะถูกสะสมไว้ให้เราใช้ในยามที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล หรืออื่น ๆ ตามแต่ละเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ได้ตกลงไว้ ดังนั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินก็ยังสามารถสบายใจได้ว่าจะมีเงินสำรองไว้
หลายคนที่ซื้อบ้านแล้วขอสินเชื่อจากธนาคารอาจเจอปัญหาได้รับอนุมัติเงินกู้ยาก แต่ถ้าเรามีทำประกันบ้านเอาไว้ ทางธนาคารก็จะอนุมัติเงินกู้ให้ผ่านง่ายขึ้น
สำหรับใครที่กำลังเรียนอยู่ปี 4-5-6 ใกล้เรียนจบแล้วหรือเพิ่งจบใหม่ การซื้อประกันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สามารถช่วยออมเงินได้ แถมได้ความคุ้มครองอีกต่างหาก เหมาะสำหรับคนที่ใช้จ่ายเก่งเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ แนะนำทำประกันไว้เป็นการสร้างวินัยการออมได้อีกทาง ก่อนที่เราจะเอาเงินไปใช้จ่ายซื้อความสุขอย่างอื่นเสียหมด
ส่วนใครที่คิดจะซื้อประกันแน่ ๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนดี แนะนำให้ลองมองว่า “ถ้าเรามีโอกาสเสี่ยงต่ออะไรมาก ก็ควรจะทำประกันประเภทนั้น” เช่น เป็นคนชอบปั่นจักรยานมาก คิดจะไปลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์สำหรับนักปั่นอย่างจริงจัง การซื้อประกันจักรยานพร้อมกับประกันชีวิตก็น่าจะตอบโจทย์คุณได้ในกรณีนี้ เป็นต้น
สำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทใหม่ ๆ ยังไม่รู้แน่ชัด หรือตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกทำประกันประเภทไหน หรือแผนไหนดีถึงจะตอบโจทย์ชีวิตก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะหลายองค์กรมักมีการทำประกันให้กับพนักงานของตนอยู่แล้ว ถือว่าเป็นสวัสดิการของบริษัทอย่างหนึ่ง อย่างที่ธนาคารไทยพาณิชย์ก็มีการทำประกันชีวิต อุบัติเหตุ และประกันสุขภาพให้กับพนักงานทุกคนเพื่อเป็นการให้ความคุ้มครองพนักงานให้ทำงานได้อย่างอุ่นใจ
สุดท้ายแล้วจะเลือกประกันแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน อย่าลืมเลือกประกันที่เหมาะสมตอบโจทย์สุขภาพทางการเงินของเราเองด้วยนะ