หากปราศจากจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์แล้ว เราอาจไม่มีสิ่งประดิษฐ์หรือของใช้ต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้
ทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นมาจากความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการถึงสิ่งที่ฟังดูไม่อาจเป็นไปได้ในช่วงเวลาหนึ่ง แค่เพียงเพราะมันยังไม่เกิดขึ้น ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริง เหมือนอย่างที่มนุษย์เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว จินตนาการถึง เครื่องบิน รถยนต์ รถไฟความเร็วสูง สมาร์ทโฟนสุดล้ำ เครือข่ายอินเทอร์เนตความเร็วสูงที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกเข้าหากันเพียงปลายนิ้ว การยืนยันตัวตนและชำระค่าสินค้าด้วยใบหน้า เป็นต้น
เห็นไหมว่าครั้งหนึ่งเรื่องที่ดูล้ำสมัยเหล่านี้ต่างเคยเป็นเพียงแค่ไอเดียลอย ๆ ในจินตนาการของใครบางคนมาก่อน แล้วสิ่งที่คุณคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” ในตอนนี้คืออะไร แล้วแน่ใจหรือว่ามันจะเป็นอย่างนั้น เพราะในขณะที่คุณคิด อาจมีคนกำลังทำสิ่งนั้นให้ “เป็นไปได้” อยู่ก็ได้ นั่นแหละคือประโยชน์หรือข้อได้เปรียบของเจ้าของความคิดสร้างสรรค์ผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้แก่โลก แล้วตอนนี้คุณมีไอเดียอะไรดี ๆ ที่คิดว่าอยากลองทำดูเพื่อสร้างสิ่งใหม่ แก้ปัญหาที่มีอยู่เดิม หรือปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นไหม?
ถ้า ณ นาทีนี้ ในหัวยังโล่งแบบ No idea จริง ๆ ลองมาทำตาม 5 เคล็ดวิธีเหล่านี้เพื่อปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณให้กลับมาลุกโชนอีกครั้งหนึ่ง!
1. เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่
การเรียนรู้ทักษะใหม่จะช่วยต่อเส้นสื่อประสาทในสมองให้เชื่อมโยงกันในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแสดงออกของเราด้วย ไม่จำเป็นต้องลงเรียนคอร์สแพง ๆ ให้เปลืองเงิน แต่ให้เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ง่ายอย่างการลองศึกษาสูตรอาหารใหม่ ๆ แล้วลงมือปรุงด้วยตัวเอง หรือเริ่มเล่นกีฬาที่ไม่เคยลองมาก่อนอย่างสเก็ตบอร์ด ไอซ์สเก็ต ยิงธนู เป็นต้น ซึ่งการทำเรื่องเหล่านี้จะเป็นการท้าทายชีวิตประจำวันที่จำเจและสร้างเส้นทางใหม่ที่ทำให้รู้สึกว่าเรายังมีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีกเยอะ หากเราคิดที่จะทำมันจริง ๆ
2. กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ด้วยกิจกรรม
ไอเดียดี ๆ มักจะไม่ได้มาในตอนที่เราต้องการจริงไหม? อย่างตอนที่ประชุมระดมสมองแล้วหัวหน้าของคุณพูดขึ้นมาว่า ใครมีไอเดียอะไรอีกไหม? แม้คุณจะอยากมีส่วนร่วมกับการเสนอไอเดียให้ที่ประชุมประทับใจกับความคิดของคุณมากแค่ไหน หรือพยายามนึกแล้วนึกอีกว่าจะช่วยเสนอทางแก้ได้อย่างไร สุดท้ายก็ลงเอยด้วยคำว่า “ไม่มี” แล้วเดินออกจากห้องไปแบบคอตก
ถ้านี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณเป็นประจำตอนประชุมประจำเดือนแล้วล่ะก็ ยิ่งเป็นเหตุผลที่คุณควรบริหารสมองกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในตัวเองอย่างแรงเลยล่ะ วิธีที่เราแนะนำในที่นี้คือ การออกกำลัง Spark ไอเดียให้ได้ภายใน 3 นาที (A 3-Minute Exercise) ที่คุณจะต้องวาดรูปอะไรก็ได้ที่นึกออกให้อยู่ในวงกลม 30 วงภายในเวลา 3 นาทีเท่านั้น ถือเป็นการวอร์มอัพกระตุ้นสมองให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีทีเดียว ใครอยากทำตามก็ไปดาวน์โหลดเอกสารออกมาลองเล่นกันได้ที่นี่ >>
http://bit.ly/30circle
3. สำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ
คุณอาจจะเป็นคนเก่งที่ใคร ๆ ยอมรับในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณอาจมีวิธีจัดการกับปัญหาในแบบของคุณเองที่ยืนยันมาแล้วว่าเวิร์คจริงจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาด้วยวิธีการเดิมของคุณแล้วมันจะได้ผลดีเหมือนอย่างเคย ถ้าคุณยังไม่อาจรับปากได้อย่างเต็มเสียงว่าจะจัดการกับความท้าทายใหม่ที่อาจเกิดขึ้นกับงานของคุณได้ ก็ถึงเวลาที่จะต้องค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ ซึ่งอาจมาจากงานวิจัย หรือเพื่อนร่วมงานในแวดวงเดียวกันเพื่ออัพเดทแนวคิดใหม่ ๆ ที่อาจนำมาประยุกต์ใช้กับงานของเราได้
4. อ่านหรือฟังเรื่องราวที่แตกต่างหลากหลาย
การเปิดหูเปิดตาดูหรือลองฟังเรื่องราวใหม่ ๆ ที่คุณคิดว่าน่าสนใจจะทำให้คุณมองเห็นอะไรในมุมมองที่ต่างไปจากเคย บางเรื่องที่คุณคิดว่ารู้ดีแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น การมองสิ่งเดิมในมุมมองใหม่จะทำให้ชีวิตคุณน่าตื่นเต้นขึ้น เพราะบางเรื่องอาจถึงขึ้นเซอร์ไพร์สคุณได้จนต้องอุทานออกมาว่า “ว้าว! มีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย” “มันทำแบบนี้ได้จริง ๆ หรอ” ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจเกิดจากการอ่านหนังสือสักเล่ม ดูหนัง ดูซีรีย์สักเรื่อง หรือฟังพอดแคสต์สักตอนก็ได้
5. หาเวลาหยุดพักเพื่อผ่อนคลาย
บทความที่ตีพิมพ์ใน Harvard Health Publishing ได้กล่าวถึงช่วงเวลาที่สมองของเราอยู่ในภาวะ “Unfocusing” หรือช่วงที่สมองของเราหยุดพักจากการทำงานที่ต้องใช้ความคิดอย่างหนักไว้ว่า เมื่อสมองของเราได้พักผ่อน มันจะเริ่มรวบรวมความทรงจำ ความรู้สึกนึกคิดและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เจอในวันนั้นเข้าด้วยกัน เหมือนเป็นการเชื่อมโยงและเรียงร้อยไอเดีย รวมถึงประสบการณ์ที่คุณได้เผชิญมาเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เรียกได้ว่าช่วยให้การ “Connect the dots” หรือเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้มาเกิดได้ง่ายขึ้น จึงไม่แปลกที่ไอเดียดี ๆ บางทีก็มาในช่วงที่เราไม่ทันตั้งตัวอย่างตอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ หรือตอนแอปเปิ้ลตกใส่หัวขณะกำลังนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนกับเซอร์ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) ผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วงของโลกก็เป็นได้ ใครจะรู้!
___________________________________
อ้างอิงจาก
https://www.innovacreate.com/post/5-ways-to-ignite-your-creativity-for-innovation