แต่เดี๋ยวก่อน! นี่เราเป็นคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ ถ้าทำงานหนักขนาดนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็อาจน็อคได้เหมือนกันนะ เพราะชีวิตเราไม่ได้มีแต่งาน งาน งาน 24 ชั่วโมงสักหน่อย แถมการทำงานหนักเกินไปอาจส่งผลเสียต่อตัวเราในระยะยาวทั้งด้านสุขภาพ อารมณ์ จิตใจ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วย นำไปสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) ได้ในที่สุด ว่าแต่โรคนี้คืออะไร เป็นยังไงลองมาดูกันเลย
ลองดูเช็คลิสต์ด้านล่างนี้เพื่อสังเกตดูว่าคุณหรือคนรอบข้างกำลังอยู่ในภาวะหมดไฟรึเปล่า
ภาวะหมดไฟเป็นอาการผิดปกติที่เกิดจากการทำงาน (Occupational Phenomenon) ที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ให้นิยามอาการของโรคนี้ไว้ว่า “เป็นอาการป่วยที่มีผลมาจากความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน และควรได้รับการดูแลจากแพทย์ก่อนรุนแรงและคุกคามการใช้ชีวิต” ดังนั้นอาการภาวะหมดไฟจึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่จะมองข้ามไปได้ เพราะยิ่งทิ้งไว้นานอาจลามไปถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้ ส่วนสาเหตุของโรคเกิดจาก...
อาการหมดไฟเป็นโรคที่เกิดจากสภาพจิตใจที่ตึงเครียดจากการทำงานหนักสะสมติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้หยุดพัก ดังนั้นวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองเข้าสู่ภาวะหมดไฟได้ดีที่สุดคือ การจัดสมดุลให้ชีวิตทั้ง 3 ด้านคือ สุขภาพ ความสัมพันธ์ และจิตใจ ไม่โหมงานหนักจนสุขภาพแย่ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการนอนและการทานอาหาร ลองหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ สร้างความสดชื่นด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หาที่ปรึกษาสักคนไว้ระบายความอึดอัดในใจ และหัดขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อจำเป็น ไม่ต้องอดทนแบกรับเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียวซึ่งจะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้างไปด้วย เพราะการแบกโลกไว้คนเดียวไม่เคยทำให้โลกดีขึ้น
เชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงพอเห็นภาพแล้วว่าโรค Burnout Syndrome นั้นคืออะไรและส่งผลเสียต่อชีวิตของเราได้ขนาดไหน หากคุณมีคนรู้จักที่สงสัยว่ากำลังอยู่ในภาวะหมดไฟ ลองแชร์บทความนี้ไปให้เพื่อนของคุณ แล้วชวนเค้าออกไปเที่ยวเล่นเปลี่ยนบรรยากาศดูดีไหม