ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่อยู่เสมอ ในขณะเดียวกันผู้ผลิตสินค้าเองก็ต้องมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจหรือสินค้าให้ทันกระแสการเติบโตเช่นกัน
br
ทฤษฎีเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็นแรงผลักดันให้กับโลกธุรกิจในการพัฒนาสินค้าก็คือ “Disruptive Innovation” ซึ่งเป็นไอเดียของอาจารย์ Clayton M. Christensen จาก Harvard Business School ที่อธิบายว่า Disruptive Innovation คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ทำให้โมเดลธุรกิจแบบเดิมถูกแทนที่ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ที่มีความสะดวกสบายกว่า และตอบโจทย์ชีวิตผู้คนได้มากกว่า ซึ่งสุดท้ายแล้วโมเดลธุรกิจเก่าก็จะหายไปในที่สุด
br
ถ้าลองย้อนนึกภาพในอดีตที่เทคโนโลยียังไม่ถูกพัฒนาขึ้นมาเทียบเท่าปัจจุบัน เราคงคิดถึงสินค้าที่เป็น Disruptive Innovation ได้แบบไม่รู้จบ จุดที่น่าสังเกตคือ สินค้าเหล่านั้นที่ถูกพัฒนาขึ้นแทบจะไม่มีเค้าโครงของสินค้าในอดีตเลยแม้แต่น้อย
br
ตัวอย่างสินค้าเปลี่ยนโลกที่เมื่อสิบกว่าปีก่อน หลายคนคงเคยพกอยู่บ้างก็คือ “กล้องดิจิตอล” ที่ถูกพัฒนามาจากกล้องฟิล์ม หรือการถ่ายรูปที่มี Hardcopy ซึ่งในท้ายที่สุด กล้องดิจิตอลก็ถูกแทนที่ด้วยกล้องมือถือที่มีความสะดวกสบายกว่าทั้งการพกพาและวิธีการใช้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้านั้นถูกทดแทนก็คือ ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการลดต้นทุนจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ของผู้ผลิต
br
หากพูดถึงเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะเป็น Disruptive Innovation ได้ในอนาคตอันใกล้ คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยี FinTech หรือ Financial Technology ที่กำลังจะเข้ามาแทนที่ระบบการเงินแบบเดิม ด้วยความง่าย สะดวกสบาย และตอบสนองต่อความต้องการของคนยุคใหม่ ทำให้ FinTech มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้ามาแทนที่โครงสร้างการทำธุรกรรมทางการเงินแบบเดิมที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก หรือเสียเวลานาน
br
เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป การปรับตัวให้ทันกับโลกสมัยใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้คนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ธุรกิจนั้นอยู่รอด ธนาคารไทยพาณิชย์ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าและปรับตัวไปกับโลกสมัยใหม่ จึงได้มีการจัดตั้ง SCBX ขึ้นเพื่อสร้างความคล่องตัวและขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์บริการทางการเงินยุคใหม่ ก้าวสู่การเป็น FinTech Company เต็มรูปแบบ
br
โดยสรุปแล้ว Disruptive Innovation เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในทุกช่วงอายุคน ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นตามมาคือผู้คนมีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้นจากนวัตกรรมเหล่านั้น และยังช่วยปูทางไปสู่ความสำเร็จใหม่ ๆ ให้กับคนรุ่นต่อไปได้นำไปพัฒนาต่อยอดในอนาคต ดังนั้นผู้ผลิตเองก็ต้องไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาโมเดลธุรกิจของตัวเองให้ทันยุคสมัยอยู่เสมอ จะได้ไม่ล้มหายตายจากไปแบบไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง