อีกทั้งด้วยความเร็วของอินเทอร์เนต และเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นทุกวัน ทำให้การทำงานไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดอยู่แต่ในออฟฟิศอีกต่อไป หลายบริษัทจึงมีนโยบายให้พนักงานสามารถ Work from home หรือ Work from anywhere ได้ หากนั่นจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับพนักงานได้มากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นหากใครเป็นสายเที่ยวด้วยแล้ว การได้ทำงานไปเที่ยวไปพร้อมกัน ที่เรียกว่า “Workcation” คงเป็นรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนที่รักการเดินทางได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าอยากรู้แล้วว่า Workcation มีดียังไง ลองไปดูกันเลย...

Workcation คืออะไร

“Workcation” มาจากการผสมกันของคำว่า Work + Vacation หมายถึง การทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย โดยมากมักเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานในสถานที่ตามธรรมชาติที่นิยมไปท่องเที่ยวผ่อนคลาย หรือเป็นที่แปลกใหม่ที่เราไม่ค่อยได้ไปในชีวิตประจำวัน เช่น เกาะหลีเป๊ะ ภูชี้ฟ้า หรือทะเลบัวแดง เป็นต้น

สำหรับคนที่อยากเพิ่มสีสันให้ชีวิตการทำงานไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องทนเซ็งนั่งอยู่แต่ในห้องทำงานสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ Workcation จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานในยุคโควิดที่พนักงานสามารถ Work from anywhere ได้ พูดได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว (ได้ทั้งงาน ได้ทั้งเที่ยว แฮปปี้ไปอีก!)

ข้อดีของการทำงานแบบ Workcation

• เกิดไอเดียหรือความคิดใหม่ ๆ จากการออกไปอยู่ในสถานที่แปลกตาที่ไม่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน
• มีพลังใจในการลุยงานมากขึ้น เพราะรู้สึกผ่อนคลายจากการได้ออกไปท่องเที่ยว
• ลดความเครียดจากการต่องานไม่ติดหลังพักร้อนยาว เนื่องจากระหว่างที่ไปเที่ยวก็ได้ทำงานไปด้วย เมื่อถึงเวลากลับมาทำงานที่บ้านหรือที่ออฟฟิศจึงไม่ต้องปรับตัวมากนัก

การชมวิวทะเลจากริมชายหาดพร้อมนั่งประชุมงานผ่านโปรแกรม Online meeting ไปด้วย อาจจะฟังดูเกินจริงไปหน่อยหากเป็นชีวิตการทำงานเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่เมื่อโลกปรับตัวเข้าสู่ยุค New-Next normal แล้ว การทำงานและการท่องเที่ยวที่เคยเป็นสิ่งที่แยกกันอยู่ก็กลับสามารถมาบรรจบอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

แล้วคุณล่ะ ได้ลองไปนั่งทำงานในบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามสไตล์ Workcation หรือยัง? ไม่แน่ว่าคุณอาจจะค้นพบผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงจากการ Workcation ก็ได้!