ในสังคมไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญขององค์กรต่าง ๆ ต่อความหลากหลายทางเพศ และแสดงจุดยืนในการสนับสนุนสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ให้เป็นไปตามบริบทและค่านิยมสากล
วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความเข้าใจ 3 เหตุผลหลักว่า ทำไมหลายองค์กรในปัจจุบันถึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศภายในองค์กรมากขึ้น และทำให้องค์กรที่ยังไม่ได้เริ่มมีนโยบายดังกล่าวได้เริ่มตระหนักและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
เมื่อพนักงานสามารถทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องมาคอยนั่งกังวลว่าเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงหัวหน้าของเขาจะคิดอย่างไรต่ออัตลักษณ์ทางเพศของเขา ก็จะส่งผลให้พนักงานสามารถแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการแสดงความคิดเห็น ไปจนถึงช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้มีประสิทธิภาพในระยะยาวได้นั่นเอง
การพัฒนารูปแบบการทำงานให้สอดคล้องกับค่านิยมของคนในสังคมที่กำลังเปิดกว้างให้กับความหลากหลายในทุกมิติ ช่วยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิสัยทัศน์ขององค์กรที่พร้อมสนับสนุนค่านิยมสากล และอาจนำไปสู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แต่ละองค์กรในสังคมได้นำมาใช้ปฏิบัติร่วมกันในที่สุด
การเปิดรับความหลากหลาย ทั้งด้านเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และอื่น ๆ จะช่วยให้องค์กรมีมุมมองใหม่ ๆ ในการรังสรรค์ผลงาน สิ่งประดิษฐ์หรือโซลูชันที่เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้นได้ ผ่านเสียงสะท้อนที่มาจากความต้องการและไอเดียของพนักงานแต่ละคนในมิติต่าง ๆ นั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือ มีผลการวิจัยจาก McKinsey ที่ศึกษาเกี่ยวกับ Workplace Diversity ได้แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตทางธุรกิจขององค์กรที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศภายในองค์กรอย่างชัดเจนว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวมของทั้งประเทศได้มากถึง 35 เปอร์เซ็นต์
เพราะ “เสรีภาพในการแสดงออก” คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนพึงมีอย่างเท่าเทียมกัน พนักงานทุกคนจึงควรมีเสรีภาพในการแสดงความสามารถในการทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อจำกัดทางด้านความแตกต่างในทุกมิติ เพื่อให้องค์กรกลายเป็นพื้นที่ในการแสดงออกถึงศักยภาพและความสามารถอันเกิดจากความหลากหลาย ที่ช่วยให้คน ๆ หนึ่งไม่ว่าจะอยู่ในบริบทของเพศสภาพใดก็สามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กรนั้นได้อย่างแท้จริง