แต่ก็ต้องฝืน...บอกไหว!
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปจนมีอาการ Burnout เต็มตัว มาลองใช้เคล็ดลับที่ช่วยลดอาการหมดไฟในการทำงานที่เรียกว่า เทคนิค “Switching tasks” กันดีกว่า...
“Switching tasks” เป็นเทคนิคสลับการทำงาน โดยเมื่อเราทำงานเสร็จชิ้นหนึ่งแล้ว ให้สลับไปทำกิจกรรมอื่น ๆ สัก 15-30 นาที ก่อนที่จะไปเริ่มทำงานชิ้นที่สองต่อ เปรียบเหมือนการพักสมองจากเรื่องงานสักแป๊ปก่อนจะไปเตรียมตัวทำงานชิ้นใหม่
เทคนิค Switching tasks จึงช่วยลดความเครียดและอาการอ่อนล้าจากการนั่งทำงานนาน ๆ ได้ดี เพราะนอกจากจะได้พักสมองแล้ว เรายังได้พักใจโดยที่ไม่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน อยู่กับบรรยากาศเดิมนาน ๆ อีกด้วย
เพราะในแต่ละวันเรามีงานหลายอย่างที่ต้องทำ การทำเช็คลิสต์งานในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เราจัดสรรเวลาและลำดับการทำงานได้อย่างลงตัว ไม่มากไม่น้อยเกินไป
โดยให้เริ่มจากลิสต์งานที่เราจำเป็นต้องทำในวันนั้น ๆ ให้ครบ จากนั้นนำกิจกรรมเล็ก ๆ มาใส่คั่นไว้ทุกครั้งเมื่อทำงานแต่ละชิ้นเสร็จ
เช่น เมื่อเราทำงานชิ้นแรกเสร็จแล้ว เราอาจแวะไปรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงห้อง ลุกขึ้นมายืดตัวตามคลิปออกกำลังกายสัก 15 นาที หรือไปถูบ้านสักหนึ่งรอบ แล้วค่อยกลับมาเริ่มงานชิ้นที่สองต่อ
การสลับการทำงานแบบนี้ นอกจากจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เราสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายแล้ว ยังทำให้เรามีเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย
หลายคนมักติดนิสัยชอบนั่งทำงานยาว ๆ ตั้งแต่เช้าไปถึงบ่ายหรือเย็นโดยแทบไม่ลุกไปไหนเลย แถมยังอดมื้อเที่ยงอยู่บ่อยครั้ง แต่ไปดื่มชานม กินขนมจุกจิกแทน หรือไม่ก็นำอาหารมานั่งกินที่โต๊ะทำงานเสียเลย
กลายเป็นว่า ช่วงเวลาพักกินข้าว ที่สมองและจิตใจควรจะได้พัก...ก็ยังพักไม่ได้!
ดังนั้นต่อไปนี้ ถึงเวลามื้อเที่ยงเมื่อไหร่… ต้องลุกออกจากโต๊ะทำงานทันที แล้วไปนั่งกินข้าวแบบสบาย ๆ ให้รู้สึกเอนจอยไปกับช่วงพักเที่ยงจริง ๆ ดีกว่า
รับรองว่าพอกลับมานั่งทำงานช่วงบ่ายต่ออีกครั้ง อาการสมองตื้อจะหายวับไป ทำให้เรานั่งทำงานช่วงบ่ายต่อได้อย่างสดชื่นอีกครั้ง
เห็นไหมว่าการ Switching tasks ถือเป็นเทคนิคที่ทำตามได้ไม่ยาก แต่ได้ผลดีเกินคาด! ว่าแล้วมาลองสลับการทำงานตอน Work from Home ให้ไฟลุกโชนไม่มีดับกันดีกว่า