career


Resilience skill ล้มแล้วลุกได้ ทักษะจำเป็นที่คนทำงานต้องมี


เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ล้มแล้วลุก” แม้ว่าเราจะเก่งแค่ไหน หากเราไม่สามารถรับมือกับความผิดหวังได้ ก็ไม่อาจทำงานได้อย่างเต็มที่... เพราะ “Nobody is perfect.” มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราทุกคนอาจทำพลาดหรือล้มเหลวกันบ้าง

แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าหากเราลองฝึกฝน Resilience skill เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้

ไม่ว่าจะพบเจอเหตุการณ์เลวร้ายมาแค่ไหน คนที่มี Resilience skill จะสามารถจัดการกับความผิดหวังได้ดี อีกทั้งไม่ยอมปล่อยให้คำปฏิเสธมามีอิทธิพลต่อเรามากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราถูกปฏิเสธจากการสัมภาษณ์งาน ก็คงต้องยอมรับแต่ต้องไม่ยอมแพ้ เพราะเชื่อมั่นว่าต้องมีที่ที่เหมาะกับเราอย่างแน่นอน เป็นต้น คนเหล่านี้จะพยายามมองโลกในแง่บวก และไม่หมดหวังง่าย ๆ รวมทั้งคอยพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

การฝึกฝน Resilience skill เริ่มต้นได้จากการรู้ตัวว่า เรากำลังรู้สึกเครียดหรือกังวล แล้วลองให้เวลาตัวเองได้ฟื้นฟูจิตใจบ้าง โดยการระบายความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นการเขียน หรือการแชร์ให้คนอื่นฟัง รวมทั้งการลองทำสิ่งที่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน อย่างกิจกรรมง่าย ๆ ที่ทำแล้วสนุก หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยคลายเครียด เช่น นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือเล่นโยคะ ลองสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งสติรับรู้สิ่งรอบตัวจากประสาทสัมผัสเพื่อประเมินความรู้สึกของตัวเอง ณ ขณะนั้น

เมื่อใจเย็นลงแล้ว ลองถามตัวเองว่า ในอดีตเราสามารถก้าวผ่านวิกฤตในชีวิตมาได้อย่างไร อะไรที่ทำให้เรากลับมามีกำลังใจ และกล้าเผชิญหน้าความจริงอีกครั้ง เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเหตุการณ์นั้น ๆ แล้วคิดว่าตอนนี้ควรทำอย่างไรต่อไป ลองโฟกัสในสิ่งที่เราพอจะควบคุมได้ และตระหนักรู้ถึงจุดแข็งของตัวเอง รวมทั้งภูมิใจกับความสำเร็จที่ผ่านมา และใช้มันเป็นแรงผลักดันตัวเองให้ก้าวต่อไปข้างหน้า

แทนที่จะเอาแต่โทษตัวเองหรือโชคชะตา ลองมองมุมใหม่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น อย่างการมองหาข้อดีของเรื่องที่เกิดขึ้น หรือขอบคุณกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว พยายามให้อภัยตัวเองและคนอื่น ยอมรับในสิ่งที่ไม่แน่นอน รวมไปถึงมองโลกด้วยเหตุและผลมากขึ้น นอกจากนี้ ควรลองคิดถึงกรณีแย่ที่สุดที่มีโอกาสเกิดขึ้นและเตรียมวิธีรับมือไว้ล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อสิ่งที่คาดไม่ถึงให้มีผลกระทบต่อเราน้อยลง

ทักษะนี้ยังสามารถสร้างได้ด้วยการเชื่อมสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ถ้าเราได้ลองพูดคุยปรึกษา อาจทำให้เราตกผลึกได้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งใดที่ควรจะทำต่อจากนี้ คนที่คอยสนับสนุนกันและกันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียว รวมทั้งมีแรงฮึดกลับมาลุยงานต่อได้อีก แม้ว่าพวกเขาอาจไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้โดยตรง แต่ก็เป็นคนที่คอยรับฟังเรา ซึ่งจะช่วยนำความมั่นใจ และความหวังกลับคืนมาอีกครั้ง

มาลองฝึกฝน Resilience skill อย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้เราสามารถปรับตัวและแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์แล้ว ทักษะนี้จะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลและความสิ้นหวังลงได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเราดีขึ้นตามมานั่นเอง