อีกต่างหาก แล้วถ้าเรามีทางเลือกที่จะไม่ต้องฝ่ารถติดเข้าออฟฟิศทุกวัน หรืออยู่บ้านทำงานตามลำพังทุกวัน จะดีกว่ามั้ย?

ถ้าชอบใช้ชีวิตอิสระ ทำงานแบบปรับได้ตามใจเรา ก็ต้องรู้จักกับ “การทำงานแบบ Hybrid” หรือการทำงานแบบผสมผสานที่จะทำให้เราไม่ต้องทนทำงานแบบวนลูปอีกต่อไป!

การทำงานแบบ Hybrid คืออะไร?

Hybrid workplace คือ รูปแบบการทำงานที่พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน โดยสามารถเลือกที่จะเข้าออฟฟิศ หรือ Work from home ก็ได้ เช่น เลือกเข้าออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ และอีก 2 วันเลือกทำงานที่บ้านแทน

ข้อดีของการทำงานแบบ Hybrid

1. ช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทและพนักงาน

เมื่อพนักงานเข้าออฟฟิศน้อยลง ก็จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในสำนักงานลงได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อพนักงานสามารถเลือกทำงานที่บ้านได้ ก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงานได้ด้วย

วิธีนี้ยังช่วยให้พนักงานมีเงินเก็บรายเดือนเพิ่มขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ละวันนั้นคิดเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย

2. เปลี่ยนบรรยากาศ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

การทำงานแบบ Hybrid ช่วยสนับสนุนให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการที่มีอิสระ ไม่ถูกจำกัดให้นั่งทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ จะช่วยให้เราไม่เครียดกับงานมากเกินไป นอกจากนี้ การได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานใหม่ ๆ ก็ยังมีส่วนช่วยให้ปิ๊งไอเดียเจ๋ง ๆ ขึ้นมาได้อีกด้วย

3. เปิดอิสระความสุขในการทำงาน

หากพนักงานสามารถตัดสินใจเลือกวันและสถานที่ทำงานเองได้ โดยรู้ว่าวันไหนที่จะต้องเข้าออฟฟิศหรือทำงานที่บ้าน ก็จะช่วยให้รู้สึกมีอิสระในการตัดสินใจและสามารถจัดสรรเวลาในชีวิตของตัวเองได้อย่างลงตัวมากขึ้น ซึ่งอิสระแบบนี้เองที่นำไปสู่ความสุขในการทำงานอย่างแท้จริง

เห็นไหมว่า “การทำงานแบบ Hybrid” นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน! เพราะเป็นรูปแบบการทำงานที่รวมข้อดีของการทำงานแบบเข้าออฟฟิศและการทำงานที่บ้านเข้าไว้ด้วยกัน โดยคำนึงถึงการให้อิสระและความสุขกับพนักงานเป็นหลัก เมื่อพนักงานทำงานได้ดี ผลงานขององค์กรในภาพรวมก็จะออกมาดีตามไปด้วย..

นี่แหละการทำงานแบบ Win-Win ทั้งสองฝ่าย!!

_________________________

อ้างอิงจาก https://blog.vantagecircle.com/hybrid-workplace/

https://www.genint.com/en-ca/en-ca/hybrid-work-collaboration-guide