career


How to ทิ้งความขี้เกียจให้หมดไป


แล้ววันจันทร์กับการลืมตาลุกออกจากเตียงที่แสนยากเย็นก็มาถึง...เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ ในทุก ๆ เช้า วนลูปไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนขี้เกียจคิดแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ พอคิดว่ามีงานหนักกองรออยู่ ก็หาข้ออ้างนู่นนี่นั่นมาเลื่อนออกไปก่อน เพราะยังไม่มีอารมณ์ทำ!

หากใครมีอาการแบบนี้ ขอจงรู้ไว้เลยว่าคุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว แต่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ขี้เกียจอยู่อีกมากมายบนโลกนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความขี้เกียจเป็นสิ่งที่เลิกไม่ได้ ถ้าคุณรู้วิธีจัดการมันดีพอ คุณจะสามารถเอาชนะตัวเองได้ทีละน้อย และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีพลังควบคุมสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น

เพราะการจะไปให้ถึงดวงดาวไม่ได้เกิดจากความฝันอย่างเดียว แต่ต้องลงมือทำด้วยจึงจะสำเร็จ การไปถึงเป้าหมาย ความฝัน หรือความตั้งใจที่คิดไว้ก็เช่นกัน จะมานอนฝันกลางวันอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสุดท้ายความขี้เกียจในวันนี้อาจปล้นความสุขและความสำเร็จในวันหน้าไปได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรสลัดทิ้งความขี้เกียจให้หมดไปตอนนี้เลย!

How to ทิ้งความขี้เกียจให้หมดไป

1. ใช้กฎเหล็ก “2 นาที”

David Allen นักเขียนและที่ปรึกษาด้านการสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) ได้เสนอกลยุทธ์การสร้างนิสัยใหม่ไว้ให้กับคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งว่า “ถ้าสิ่งที่คุณคิดจะทำใช้เวลาน้อยกว่า 2 นาที งั้นก็ทำมันซะตอนนี้เลยสิ!” ซึ่งแท้จริงแล้วทุก ๆ นิสัยหรือทุกการกระทำสามารถย่อยลงให้เสร็จภายใน 2 นาทีได้ เช่น…

ถ้าคิดว่าอยาก “อ่านหนังสือก่อนนอนทุกคืน” ให้เปลี่ยนเป็น “อ่านหนังสือ 1 หน้าก่อนนอนทุกคืน” ถ้าคิดว่าอยาก “พับกองเสื้อผ้าที่ซักแล้ว” ให้เปลี่ยนเป็น “พับถุงเท้า 1 คู่” ถ้าคิดว่าอยาก “วิ่ง 5 กิโลเมตร” ให้เปลี่ยนเป็น “ผูกเชือกรองเท้าวิ่ง”

จริง ๆ แล้วประเด็นของกฎ 2 นาทีก็คือ เราไม่ควรที่จะมีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องท้าทาย ยากเย็น หรือรู้สึกเหมือนเป็นภาระหนักอึ้งในการเริ่มต้นสร้างนิสัยใหม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลายคนไม่ยอมเริ่มทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ ซักที เพราะคิดว่าสิ่งที่จะทำนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามมากเหลือเกิน ในทางตรงกันข้าม การจะเริ่มสิ่งที่เราคิดไว้ควรทำให้มันง่ายที่สุด ซึ่งนั่นถือเป็นก้าวแรกของหนทางสู่ความสำเร็จ

2. จดสิ่งที่ต้องทำ (To-do list)

ในแต่ละวันเราทุกคนต่างมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย จนบางทีแค่คิดว่าจะต้องทำอะไรบ้างนั้นก็แทบหมดแรงแล้ว ถ้าแค่คิดอยู่ในหัวมันไม่ช่วยอะไร งั้นลองจดมันออกมาลงกระดาษดูสิ จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่ามีงานอะไรบ้าง แล้วจะเริ่มทำอันไหนก่อน การได้ขีดฆ่าเช็คลิสต์ไปทีละอันจะทำให้เราเห็นว่า ทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้างได้ชัดเจนขึ้น และมีกำลังใจให้ทำต่อไปจนครบเช็คลิสต์ของวันนั้น

3. คิดแล้วเริ่มเลย

เคยไหมที่แบบว่าตั้งใจจะทำงานตั้งแต่เริ่มวัน แต่ก็เอ๊ะ! คิดว่าอาจจะยังเช้าไปไหม เลยขอแวบเช็คฟีดใน Facebook หรือส่องรูปใน IG สักหน่อย เสร็จแล้วก็ไถหน้าจอมือถือยาว ๆ ไปเลย มารู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมงแล้ว จนรู้สึกขี้เกียจทำงานที่ตอนแรกคิดไว้ว่าจะทำซะงั้น...

นั่นล่ะคือปัญหาของคนที่ติดนิสัยขี้เกียจเรื้อรัง เพราะเรามักมีเหตุผลมาอ้างอยู่เรื่อยว่าเดี๋ยวค่อยทำก็ยังไม่สาย จนไม่ได้เริ่มทำสิ่งที่ต้องทำจริงจังสักที เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าคิดว่าจะทำอะไรแล้วล่ะก็ให้เริ่มทำไปเลยตอนนั้นเดี๋ยวนั้นนั่นแหละ ไม่ต้องเดี๋ยว เพราะยิ่งเริ่มเร็วก็เสร็จเร็ว จะได้มีเวลาให้ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่อยากทำได้อีกเยอะ

4. เมินสิ่งเร้ารอบตัว

ข้อนี้ฟังดูง่าย แต่ในสถานการณ์จริงคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะสิ่งเร้ารอบตัวบางอย่างก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเราได้มากเหลือเกิน อย่างการที่เพื่อนร่วมงานมาชวนคุยชิทแชทเรื่องสัพเพเหระ จะให้เมินเสียก็ดูเป็นพวกต่อต้านสังคมมากไปหน่อย ดังนั้นหากคุณอยากทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ ควรหาที่เงียบ ๆ นั่งอยู่ในมุมสงบที่คาดว่าจะไม่มีใครมารบกวนได้ และหากทำงานยากที่ต้องใช้สมาธิมากก็ควรโฟกัสหรือจดจ่ออยู่ที่การทำสิ่งนั้นอย่างเดียวจนกว่าจะเสร็จ โดยปิดการแจ้งเตือน (Notification) จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ เพื่อตัดสิ่งที่จะมาดึงดูดความสนใจของเราออกไปจากงานตรงหน้าลงด้วย

5. ทำงานที่ยากที่สุดก่อน

เมื่อเปรียบเทียบรายการสิ่งที่ต้องทำของวันนั้นแล้ว คุณคิดว่างานไหนยากที่สุด หนักที่สุดกันล่ะ? ถ้ารู้คำตอบแล้ว ให้เริ่มจากสิ่งนั้นก่อนเลย! ตามปกติคนเรามีแนวโน้มที่จะเลื่อนงานยากออกไปเรื่อย ๆ เพราะสมองคิดว่ามันยากน่ะสิ แค่คิดว่าต้องทำงานนั้นก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้นเลยทำอย่างอื่นที่ง่าย ๆ ก่อนโดยที่ลึก ๆ ก็แอบหนักใจตลอดเวลาว่ามีงานยากรออยู่ เลยพลอยทำงานไปแบบรู้สึกตึง ๆ ไม่โอเคเท่าไหร่

ดังนั้นแทนที่จะแบกความรู้สึกแบบนี้ไปตลอดทาง ก็เริ่มจากการเอางานที่ยากที่สุดนั้นมาทำก่อนเลยไม่ดีกว่าหรือ จะได้กำจัดความรู้สึกหน่วง ๆ หนักอึ้งภายในจิตใจออกไปด้วย แถมยังมีกำลังใจทำงานอื่น ๆ ต่อไปอีก เพราะรู้สึกว่างานยากขนาดนี้ก็ทำสำเร็จมาแล้ว ต่อจากนี้ไปงานที่เหลือก็สบาย ๆ ชิล ๆ แล้วล่ะ มาเลิกขี้เกียจแล้วทำความฝันของเราให้เป็นจริงกันเถอะ!

_________________________

อ้างอิงจาก https://lifestylebusinessmag.com/5-tips-overcome-laziness-procrastination