career


งานแรกเลือกอย่างไรไม่ให้พลาด


เชื่อว่าการก้าวออกจากชีวิตนักศึกษามาสู่ผู้ใหญ่วัยทำงานคงเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งในชีวิตของใครหลายคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ โดยเฉพาะ “การเลือกงานแรกที่จะทำ” เพราะมักจะมีหลายปัจจัยมาให้กังวล

เช่น เงินเดือนนั้นคุ้มหรือไม่กับค่าเทอมที่จ่ายไป หรือภาระทางครอบครัวที่เราต้องช่วยเหลือ ดังนั้น ดูเหมือนว่าเงินเดือนกลายมาเป็นปัจจัยหลักสำหรับการเลือกงาน แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? เรามาลองดูกันดีกว่าว่าถ้าจะเลือกงานแรกไม่ให้พลาด ควรเลือกอย่างไร

1. ระวัง “กับดักเงินเดือน” 
แน่นอนว่าเงินเดือนเป็นสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่พิจารณาว่าจะสมัครงานที่นั่นหรือไม่ แต่อยากให้ใจเย็นกันก่อนสักนิด และคิดให้รอบคอบก่อนว่า ตัวเรา ณ ขณะนั้น เหมาะสมหรือไม่กับอัตราเงินเดือนดังกล่าว วลีที่ว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ยังคงเป็นจริงเสมอ เพราะ ในปัจจุบันมีบริษัทจำนวนไม่น้อยดึงดูดพนักงานจบใหม่ด้วยเงินเดือนที่สูง แต่ความเสี่ยงที่แฝงอยู่ก็คือ ความกดดันและความคาดหวังของบริษัทที่ต้องการจากตัวเรา

ถ้าหากเราพิจารณาแล้วว่าความสามารถของเรายังไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายของบริษัท ก็ควรอดเปรี้ยวไว้กินหวาน และมองหาตำแหน่งที่เหมาะกับความถนัดหรือความสามารถของเราจะดีกว่า แม้เงินเดือนจะน้อยกว่าก็ตาม เพื่อจะได้เริ่มงานแรกได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องแบกรับความกดดันที่เกินรับไหว

2. พิจารณาจากภาระพื้นฐานที่ต้องรับผิดชอบ 
แม้ว่าเราไม่ควรมองงานจากเรทเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เราเลือกแต่เงินเดือนน้อย ๆ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นงานที่สบาย แต่ไม่พอยังชีพ ทางที่ดี เราควรจะวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่า เรามีภาระพื้นฐานอะไรที่ต้องรับผิดชอบไหม เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หนี้กยศ. หรือภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่เราต้องส่งให้ที่บ้าน หากเราเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้คนเดียว เราควรต้องลองคำนวณภาระพื้นฐานที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนออกมาเป็นตัวเลขกลม ๆ เพื่อที่จะได้ทราบว่าต้องได้เงินเดือนต่อเดือนเท่าไหร่ ถึงจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านั้นและมีเงินเหลือเก็บ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเราควรจะได้เงินเดือนมากกว่าภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน ประมาณ 30% เป็นขั้นต่ำ

3. เลือกงานที่ตรงกับความถนัด
งานแรกในชีวิตที่เราได้ทำในฐานะผู้ใหญ่วัยทำงาน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นงานที่ Perfect หรือสมบูรณ์แบบขนาดนั้น แต่เราควรเลือกงานที่ตรงกับความสามารถและความถนัด หรืออย่างน้อยก็ตรงกับความชอบความสนใจของเราในตอนนั้น เพื่อที่เราจะได้รู้สึก Enjoy กับการทำงาน และมีโอกาสพัฒนาตัวเองให้มากที่สุด เพราะถ้าเรารู้สึกเบื่อหน่ายตั้งแต่งานแรกที่ทำ มันก็อาจจะกลายเป็นแผลที่ทำให้เราล้มเหลวในการทำงานไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

4. หางานที่ตรงกับเป้าหมายชีวิต 
สิ่งหนึ่งที่เราควรทำก่อนเริ่มหางานคือ การตั้งเป้าหมายในชีวิต เช่น ถ้าอยากทำธุรกิจขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ เราก็ต้องลองคิดดูว่า การไปถึงเป้าหมายนั้นได้ เราต้องมีทักษะอะไรบ้าง และจะสามารถพัฒนาทักษะนั้นจากงานประเภทใดได้บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น ก่อนแจ็คหม่าจะก่อตั้งอาณาจักรอาลีบาบา เขาเคยทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และไกด์นำเที่ยวมาก่อน โดยแจ็คหม่ารู้ตัวดีว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเขาตระหนักดีว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นที่จะนำทางให้เขาไปสู่เป้าหมายได้ เขาจึงเลือกที่จะทำงานดังกล่าว

5. งานที่ดูดีมีอนาคต 
งานแรกที่เราทำไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่เราจะทำไปตลอดชีวิต แต่เราก็ไม่อาจมองข้ามประเด็นนี้ไปได้ เพราะโลกปัจจุบันกำลังถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ มีหลายอาชีพที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี และไม่สามารถทำต่อไปได้ในอนาคต ดังนั้นเราจึงควรคิดให้ดีด้วยว่า งานที่เราเลือกสามารถต่อยอดอะไรให้กับตัวเราได้บ้างในอนาคต

ปัจจุบัน งานที่ดูมีอนาคตและมาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี งานวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ คุณคงเคยได้ยินว่า “ถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อไปก็จะผิดตามไปด้วย” รู้แบบนี้แล้ว สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งจบคงต้องคิดให้รอบคอบก่อนเลือกงานแรก เพื่อจะได้เข้าสู่เส้นทางของการทำงานเต็มตัวได้ตามเป้าหมายชีวิตที่วางไว้จริง ๆ