work from home ได้เวิร์คจริงไม่ต่างจากการนั่งทำงานที่ออฟฟิศ ลองมาดูเทคนิคดี ๆ ต่อไปนี้กันเลย...

1. เผื่อเวลามากขึ้นในช่วงเช้า

เมื่อทำงานที่บ้าน เชื่อว่าหลายคนอาจแอบนอนตื่นสาย ตื่นมาก็ถึงเวลาเริ่มงานเลย ทำให้ไม่มีเวลาทานข้าวเช้าหรือทำธุระส่วนตัว ทางที่ดีจึงควรตื่นนอนก่อนเวลาเริ่มงานมากขึ้น และทานข้าวเช้าให้อิ่ม เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สมองคุณปลอดโปร่ง และมี energy ในการทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. กำจัดสิ่งรบกวนสมาธิ

ตอนทำงาน on-site การหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องฟีด social media ระหว่างเวลาทำงานอาจจะทำให้เราโดนตำหนิได้ แต่เมื่อเรา work from home ไม่มีสายตาจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานมาคอยจับจ้อง หลายคนอาจเผลอเล่นโซเชียลมีเดียจนไม่เป็นอันทำงานได้ ดังนั้นเพื่อสร้างสมาธิในการโฟกัสกับงานให้มากขึ้น จึงขอแนะนำให้ log out ออกจากบัญชี social media ทุกแพลตฟอร์มก่อนเริ่มงาน

3. เลือกสถานที่ทำงานให้เหมาะสม

แม้การนั่งทำงานบนโซฟาหรือบนเตียงอาจไม่ใช่เรื่องผิด เพราะให้ความรู้สึกสบายกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากนั่งทำงานในลักษณะนั้นนาน ๆ ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงได้ แถมยังเป็นท่านั่งทำงานที่ไม่ถูกสรีระ ส่งผลให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมตามมาได้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรเลือกนั่งทำงานในห้องที่มีโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์สำคัญที่เอื้อต่อการทำงานอย่างเครื่องปริ้นหรือหูฟัง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. สร้าง To do list ไว้ให้ไม่พลาดเรื่องสำคัญ

เมื่อทำงานอยู่ที่บ้าน นอกจากเรื่องงานแล้วยังอาจมีสิ่งต่าง ๆ มากมายจากบรรยากาศแวดล้อมที่อาจมารบกวนทำให้เราหลุดโฟกัสไปจากงานได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เราพลาดงานสำคัญที่ต้องทำในแต่ละวันไป การสร้าง To do list ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ โดยเมื่อถึงช่วงเย็นของแต่ละวันทำงาน ให้จดรายการงานของวันถัดไป พร้อมทั้งลงรายละเอียดว่าเราต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง และมีเดดไลน์กี่โมง รวมถึงลงตารางการประชุมที่ต้องเข้าร่วมด้วย เพื่อช่วยให้เราเริ่มต้นวันถัดไปได้อย่างมีระเบียบแบบแผน

5. แยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน

เมื่อทำงานแบบ work from home หลายคนที่มีลูก หรือพ่อแม่ที่ต้องดูแล คงรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัวมากขึ้น แต่ก็อาจเจอปัญหาการรบกวนจากคนทางบ้านทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้เจตนา สิ่งที่อยากแนะนำคือ ควรสื่อสารกับคนในบ้านให้ชัดเจนว่าเวลาไหนเป็นเวลาทำงาน และขอความร่วมมือไม่ให้มารบกวนหากไม่มีเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ หรืออาจจะลองวางแผนจัดตารางเวลาและกำหนดวันในการจัดการธุระภายในครอบครัวไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อที่จะได้สามารถมาโฟกัสกับการทำงานระหว่างวันได้เต็มที่โดยไม่มีกิจกรรมอื่นที่ต้องทำมาขั้นกลาง