ซึ่งนอกจากจะทำให้พนักงานมี Productivity ที่ดีขึ้นแล้ว ยังลดอัตราการลาออกลงอย่างมาก
SCB มีเป้าหมายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการส่งเสริมความสุขของพนักงานขององค์กร โดยเรามีความเชื่อมั่นว่า พนักงานที่มีความสุขจะดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาเต็มที่ เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพที่เข้มแข็งให้กับทีม ทาง SCB จึงได้จัดขึ้นมากมายเพื่อสร้างความสุขให้กับพนักงาน รวมไปถึงงานสัมมนา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยทาง SCB Academy ได้รับเกียรติจาก คุณวีรยุทธ ล้อทองพานิชย์ Producer มือทอง และนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ มาเล่าประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิต ในหัวข้อ “The Happiness สุขในการทำงาน สุขในการเรียนรู้ สุขในการใช้ชีวิต ความสุขสร้างได้ (จริงเหรอ)?”
ในมุมมองของคุณวีรยุทธ ความสุขของคน ๆ หนึ่งเกิดขึ้นได้ใกล้ตัว ด้วยการ
- ใส่ใจในความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูง รวมถึงผู้มีพระคุณ
- การมีคู่ชีวิตที่ดีจะสามารถแบ่งปันทุกข์และสุข เป็นกำลังใจให้กันในยามที่ยากลำบาก
- การได้รับพลังบวกจากคนใกล้ตัวที่มี Passion ในการทำงานจะทำให้เราเห็นคุณค่าและเกิดความสุขในการการทำงานเพิ่มขึ้น
- การได้ร่วมทำงานการกุศล ซึ่งนอกจากจะเป็นการแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นแล้ว ยังทำให้ใจเราเป็นสุขอีกด้วย
ยาบำรุงความสุขของคุณวีรยุทธ ประกอบไปด้วย เรื่องของความสัมพันธ์, Passion ในงาน และ การช่วยเหลือผู้อื่น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบในศาสตร์แห่งความสุขตามที่งานวิจัยหลายชิ้นเคยรับรองมาแล้ว บทความชิ้นนี้จึงได้นำเอาคำอธิบายจากงานวิจัยต่างๆมาขยายเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
ความสำคัญของความสัมพันธ์
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยที่โด่งดังของ Harvard ทีมวิจัยได้สำรวจการใช้ชีวิตของกลุ่มตัวอย่างในระยะเวลากว่า 75 ปี ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น คือการมีความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต มากกว่าการมีชื่อเสียงหรือเงินทอง ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบไปด้วยคุณภาพของความสัมพันธ์ ที่ดี ไม่ใช่เรื่องของปริมาณ ความหมายก็คือการมีเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีเพียงไม่กี่คน ส่งผลต่อความสุขมากกว่าการมีเพื่อนจำนวนมากแต่มีความสนิทสนมกันแบบผิวเผิน
นอกจากนี้ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าผลตรวจสุขภาพจากห้องแล็บไม่ได้ทำนายถึงสุขภาพที่ดีหรือแย่ในระยะยาวนัก หากแต่ ความสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ดีต่างห่าก ที่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่า เราจะมีความสุขและสุขภาพที่ดีอย่างไรในอีก 30 ปีข้างหน้า
เมื่อมี Passion ก็อย่าให้หมด Passion
Passion หรือใจรักในงาน เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดีในการขับเคลื่อนให้เราลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อเรามี Passion เราก็จะสนุกกับงานที่ทำและไม่หยุดพัฒนาตัวเองซึ่งจะผลักดันตัวเราเองให้ไปตามจุดมุ่งหมาย งานวิจัยหลายชิ้น ชี้ให้เห็นว่าคนที่รักในงานที่ทำ จะเกิดความสุขและความพึงพอใจในชีวิต แต่ขณะเดียวกัน ก็มีข้อควรระวังว่า การมีใจรักในการทำงานอย่างมาก อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะBurnout ได้ เนื่องจากมีการค้นพบว่า ผู้คนที่มี Passion ในการทำงานระดับสูงมากๆ มักจะเกิดภาวะทับซ้อนขัดแย้ง ระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
การแบ่งความสุข คือการเพิ่มความสุข
ตรงกันข้ามกับ สิ่งของเครื่องใช้ ที่ยิ่งแบ่งยิ่งลด ความสุขกับเป็นสิ่งที่ยิ่งแบ่งปันยิ่งมีมากขึ้น งานวิจัยชื้นหนึ่งได้ศึกษาชีวิตของอาสาสมัครทำงานเพื่อสังคมและชี้ให้เห็นว่า เมื่อได้ทำงานการกุศลต่างๆ เหล่าอาสาสมัคร มีความพึงพอใจต่อชีวิตเพิ่มขึ้น มีอาการซึมเศร้าลดลง การอัตราการใข้บริการในสถานพยาบาลลดลง มีแนวโน้มที่จะอายุยืน รวมทั้ง ลดความเสื่อมถอยของการทำงานของสมองที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดร.Elizabeth W. Dunn Professor จาก University of British Columbia ได้แชร์ประสบการณ์ใน Ted Talk ถึงการเป็นอาสาสมัครดูแลผู้อพยพชาวซีเรียในแคนาดา ซึ่ง Dr Dunn ได้พบว่า
ความสุขที่เกิดจากการให้ ไม่ได้สำคัญว่าให้ “เท่าไหร่” แต่สำคัญว่า ให้ “อย่างไร” มากกว่า
ใน Ted Talk ดร. Dunn ได้กล่าวถึงความสุขของการให้ และการเห็นคุณค่าในสิ่งที่ผู้บริจาคได้มอบให้ แทนที่จะส่งปากกา หรือปฏิทินไปให้ผู้บริจาคเพื่อเป็นการขอบคุณ เราทำให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาได้มอบให้ ว่าเงินหรือของเหล่านั้น มีคุณค่าต่อผู้ได้รับหรือต่อสังคมโดยรวมอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้บริจาคได้ซาบซึ่งและเห็นความสำคัญของเงินที่ได้บริจาคมากกว่า
โดยสรุปแล้วความสุขไม่ใช่ของสำเร็จรูปที่เราจะเดินหน้าไปพบเจอได้ในทุกวัน ความสุขต้องผ่านการฝึกฝนทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี, การมี Passion ในสิ่งที่ทำ และการช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ การอยู่ใกล้ๆคนคิดบวกยังเป็นการเสริมสร้างความสุขที่ดีอีกด้วย เช่นการได้ฟังเรื่องราวของคุณวีรยุทธ ทำให้เราได้รับข้อคิดที่ดีในการมีความสุขง่ายๆทุกวัน
นักพูดสร้างแรงบันดาลใจของเราวันนี้ คุณวีรยุทธ ล้อทองพานิชย์ เป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงโฆษณาเป็นเวลานาน และได้รับรางวัลในสาขาโฆษณามาแล้วมากมายปัจจุบันเป็นเจ้าของ บริษัท Production ที่มีชื่อว่า “Wink Wink Production”
คุณวีรยุทธได้รับเชิญไปพูดในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่างๆมาแล้วทั่วประเทศ รวมถึง ในสถานที่พิเศษต่างๆเช่น ในสถานกักกัน สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยคุณวีรยุทธได้เปรียบเทียบการช่วยเหลือและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นไว้ว่า ตนเองเปรียบเสมือน Power Bank ที่ชาร์จไว้เต็ม เมื่อยามต้องการก็จะสามารถแบ่งปันพลังให้กับผู้อื่นได้เสมอ
