เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะหยิบเจอช็อกโกแลตสีอะไรเมื่อหยิบมันขึ้นมาจากกล่อง” ก็เหมือนชีวิตคนเราที่ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อาจมีเรื่องดีเรื่องร้ายปะปนกันไป แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นแล้วคุณได้เรียนรู้อะไรจากมัน
ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ชาวอเมริกัน เคยกล่าวไว้ว่า “ตลอดอาชีพของผม ผมชู้ตพลาดเป้ามากกว่า 9,000 ครั้ง แพ้ไปเกือบ 300 เกม และมีมากกว่า 26 เกมที่ผมถูกคาดหวังจากเพื่อนร่วมทีมให้คว้าชัยชนะมาให้ได้ด้วยการชู้ตปิดเกม แต่ผมก็พลาดไป ผมทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าในชีวิต แต่ก็นั่นแหละเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ” ขนาดนักบาสระดับโลกยังแพ้ได้ แถมเจอกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเราเป็นใครถึงจะมานั่งเสียใจกับความล้มเหลวครั้งเดียวไม่เลิก
เป็นเรื่องปกติที่เวลาเรารู้สึก fail ไม่ได้ดั่งใจกับอะไรบางอย่าง หรือเจอเรื่องผิดหวังจากสิ่งที่คาดหวังไว้สูง จะเกิดโมเมนต์ของคนเสียศูนย์ ไปไม่เป็นกับชีวิต รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก และมองทุกอย่างในแง่ลบไปเสียหมด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณหมดคุณค่าไปแล้วจริง ๆ สักหน่อย ให้คิดซะว่าช่วงเวลาแย่ ๆ ก็เป็นอีกรสชาติของชีวิตที่คนเราต้องเจอ แต่อย่าอยู่กับมันนานนัก ไม่งั้นจะเสียเวลาที่จะได้เจอสิ่งดี ๆ ที่รออยู่
ถ้าใครเสียใจพอแล้ว และอยากไปต่อไม่รอแล้วนะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ลองมาดู 5 วิธี Move on จากความล้มเหลวตามคำแนะนำของนิตยสาร Forbes กันดีกว่า...
1. อย่าไปคิดมาก!
อาจฟังดูตรงไปตรงมาจนหลายคนคิดว่า ถ้าเลิกคิดได้แล้วเราจะมานั่งอ่านบทความนี้อยู่ทำไม แต่ช้าก่อน! จริง ๆ สิ่งที่ต้องการจะสื่อก็คือ ให้แยกความล้มเหลวของคุณกับตัวตนของคุณออกจากกัน การที่คุณยังไม่เจอหนทางที่จะทำมันให้สำเร็จได้ ไม่ได้หมายความว่า ตัวคุณคือความล้มเหลว แต่มันเป็นคนละเรื่องกันเลย
หากคุณไม่สามารถแยกความล้มเหลวออกจากตัวตนที่แท้จริงของคุณได้แล้วล่ะก็ นั่นก็มีแต่จะทำให้ความมั่นใจและความเคารพในตัวเองลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งจะยิ่งกัดกร่อนความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองลึกลงไปอีก จนถึงขั้นไม่กล้าลุกมาทำอะไรอีกต่อไป ถ้ายังไม่เห็นภาพไม่ชัดลองมาดูตัวอย่างของชายคนหนึ่งที่
- ทำธุรกิจเจ๊งตอนอายุ 21 ปี
- เอาชนะความปวดใจจากการตายของคู่หมั้นตอนอายุ 26
- ต้องต่อสู้กับอาการทางประสาทจากความเครียดและความวิตกกังวลตอนอายุ 27
- แพ้การเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนสภาคองเกรสตอนอายุ 34
- จากนั้นลองลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแต่แพ้อีกตอนอายุ 45
- แถมยังเสนอตัวลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีตอนอายุ 47 อีกแต่ก็ไม่ได้รับเลือก
- ท้ายที่สุดตอนอายุ 52 ปี ก็ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
ซึ่งเค้าคนนั้นก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น ชายผู้ล้มเหลว 35 ครั้ง แต่สำเร็จแค่ 3 ครั้ง ผู้ไม่เคยยอมจำนนกับความล้มเหลวที่เข้ามาในชีวิต เพราะตัวตนของเค้าไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง
2. เก็บข้อมูล เรียนรู้ และปรับใช้
จงมองดูความล้มเหลวนั้นด้วยสายตาของนักวิเคราะห์ หรือด้วยสายตาของคนช่างสงสัย ปล่อยวางอารมณ์โกรธ หงุดหงิด เสียใจ โทษตัวเองไว้ก่อน แล้วตั้งคำถามว่าทำไมถึงล้มเหลว? อะไรที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีกว่านี้? ความล้มเหลวครั้งนี้มันเกินการควบคุมของเราจริง ๆ หรือ? หลังจากรวบรวมข้อมูลตกผลึกความคิดดีแล้ว ให้ถอยออกมา แล้วถามตัวเองว่า “เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?” แล้วคิดต่อว่าจะเอาข้อมูล insight ที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ไปประยุกต์ใช้กับงานในครั้งหน้ายังไงได้บ้าง
3. ไม่จมอยู่กับมันนานเกินไป
จำไว้ว่าการหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกเศร้าเสียใจจากความล้มเหลวไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มันมีแต่จะย้ำให้นึกถึงผลลัพธ์ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ามากขึ้น ทำให้เราติดกับดักอยู่ในช่วงเวลาที่น่าหดหู่นานขึ้น อย่าลืมว่าเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เรายังสามารถสร้างอนาคตที่จะมาถึงได้อยู่ ยิ่งคุณสลัดความคิดลบออกไปได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งก้าวไปสู่ความสำเร็จข้างหน้าได้เร็วขึ้นเท่านั้น
4. เลิกปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินคุณ
บ่อยครั้งที่เรากลัวความล้มเหลวเพราะกลัวถูกตัดสินจากสายตาคนอื่น กลัวว่าจะสูญเสียความเคารพหรือความน่าเชื่อถือไป เนื่องจากเราแคร์กับสิ่งที่คนอื่นพูดถึงตัวเรา แต่คุณควรจำไว้อย่างหนึ่งว่า นี่คือชีวิตของคุณ ไม่ใช่ของเค้า! สิ่งที่คนอื่นคิดว่าจริงเกี่ยวกับตัวคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นเหมือนที่เค้าคิด ยิ่งคุณให้ความคิดคนอื่นมามีอิทธิพลเหนือคุณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแต่จะทำให้ passion และความมั่นใจในตัวคุณเองลดลง เป็นการดูถูกลดทอนความสามารถของคุณเอง และบั่นทอนความสำเร็จเข้าไปอีก
5. เปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลวเสียใหม่
เป็นเรื่องจริงที่ว่าสังคมที่เราเติบโตมานั้น ทำให้เรามองความล้มเหลวด้วยทัศนคติในแง่ลบ เราถูกสอนให้เชื่อว่าความล้มเหลวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีและควรหลีกเลี่ยง เราจึงมักคิดว่า “ถ้าฉันล้มเหลวก็เท่ากับว่าฉันโง่ อ่อนแอ ไร้ความสามารถ น่าผิดหวังจริง ๆ” ซึ่งการคิดลบแบบนั้นไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ทางที่ดีจึงควรเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลวใหม่เป็น “ถ้าฉันล้มเหลวเท่ากับว่า ฉันได้ก้าวไปอีกขั้นสู่เส้นทางของความสำเร็จ มันทำให้ฉันฉลาดขึ้น เชี่ยวชาญมากขึ้นเพราะฉันได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง” เหมือนที่ไมเคิล จอร์แดนกล่าวว่า “ผมยอมรับความล้มเหลวได้นะ คนเราล้มเหลวในอะไรบางอย่างเสมอ แต่ผมยอมรับคนที่ไม่พยายามไม่ได้”
ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากไม่ลองพยายามทำอะไรเลย นั่นอาจทำให้คุณเป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิตจริง ๆ ก็เป็นได้ ทีนี้เลิกน้ำตาเช็ดหัวเข่า อาลัยอาวรณ์กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วเชิดหน้าขึ้นไปต่อให้ชีวิต Move on สวย ๆ ได้แล้ว!
___________________________________
อ้างอิงจาก
https://www.forbes.com/sites/susantardanico/2012/09/27/five-ways-to-make-peace-with-failure/#78748f173640